ชิ้นส่วน และอะไหล่ใดบ้าง ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
จริงๆแล้วการดูแลรักษารถยนต์ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะเมื่อถึงกำหนดเช็กระยะ ก็มักจะมีรายการที่ต้องเปลี่ยนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะมีชิ้นส่วนและอะไหล่บางตัว ต้องเปลี่ยนที่ระยะอื่นๆ หากไม่ได้เข้าศูนย์บริการ ไปเปลี่ยนที่อู่หรือร้านข้างนอก ก็ต้องจำให้ดีว่าเปลี่ยนอะไรไปที่ระยะเท่าไหร่บ้าง
ซึ่งชิ้นส่วนและอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนเป็นประจำ จริงๆแล้วมีอยู่ไม่กี่อย่าง ดังนี้
- น้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง เมื่อถึงกำหนดควรเปลี่ยนถ่ายทุกครั้ง สำหรับระยะเวลาเปลี่ยนคือ ทุกๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ยี่ห้อ และประเภทของน้ำมันเครื่อง) แต่ถ้าตรวจเช็กดูแล้วพบว่า น้ำมันเครื่องมีสีดำสนิท สามารถเปลี่ยนถ่ายก่อนถึงกำหนดก็ได้ เพราะน้ำมันเครื่องอาจเสื่อมสภาพแล้ว
- แบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นแบบแห้ง กึ่งแห้ง หรือแบบเปียก ส่วนใหญ่ระยะเวลาการเปลี่ยนจะอยู่ที่ 1.5 -3 ปี แล้วแต่ขนาด และการใช้งาน นอกจากนี้แบตเตอรี่แบบเปียกต้องหมั่นดูแลน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับปกติอยู่ เสมอ อย่างน้อยเช็กดูเดือนละ 1 ครั้งก็ยังดี
- ไส้กรองอากาศ เมื่อถึงระยะประมาณ 20,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปี ก็ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ หรือบางรุ่นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลักจากทำความสะอาด
- ผ้าเบรก เพื่อความปลอดภัย หากได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขณะเหยียบเบรก ควรที่จะรีบนำรถไปเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ทันที เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนว่าผ้าเบรกใกล้หมดแล้ว ส่วนระยะเวลาในการเปลี่ยนใหม่อยู่ที่ 40,000 – 70,000 กิโลเมตร โดยประมาณ
- หัวเทียน หากถึงระยะที่ควรเปลี่ยน คือ 40,000 กิโลเมตร แล้วไม่ยอมเปลี่ยน ฝืนใช้ต่อไป ก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่ เครื่องสะดุด อีกทั้งราคาหัวเทียนธรรมดาก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเปลี่ยน ควรทำทันที
- สายพานไทม์มิ่ง ถือเป็นสายพานหลักของห้องเครื่อง เพราะถ้าหากมันขาดขึ้นมาเมื่อไหร่ งานเข้าหนักแน่นอน ซึ่งระยะที่ควรทำการเปลี่ยนใหม่คือ 100,000 กิโลเมตร
- น้ำมันเกียร์และไส้กรองน้ำมันเกียร์ คงไม่มีใครอยากยกเกียร์ลูกใหม่ทั้งชุด เพราะราคามันโหดร้ายสุดๆ ดังนั้นเมื่อถึงระยะเวลาเปลี่ยนถ่าย ประมาณ 20,000 – 40,000 กิโลเมตร (แล้วแต่รุ่นรถ) ก็ควรรีบจัดการให้เรียบร้อยทันที
- ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง หากไม่ได้เปลี่ยนเลยอาจทำให้ไส้กรองตัน จนทำให้รถมีอาการ เร่งไม่ขึ้น กระตุก สตาร์ทติดยาก ฯลฯ ฉะนั้นเมื่อถึงระยะประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี ควรเปลี่ยนให้เรียบร้อย
- ยางใบปัดน้ำฝน ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี (เพราะสภาพอากาศบ้านเราร้อนมาก ทำให้ยางเสื่อมสภาพไวขึ้น) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนในแต่ละปี ควรเปลี่ยนใหม่ไปเลย จะได้รีดน้ำออกได้อย่างสมบูรณ์
- ระบบส่องสว่างและหลอดไฟต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟหรี่ ไฟเบรก ไฟเลี้ยว หรือแม้กระทั่งไฟภายในห้องโดยสาร ฯลฯ ควรที่จะตรวจเช็กให้เรียบร้อย เพราะมันไม่มีระยะเปลี่ยนที่แน่นอน ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนใหม่เมื่อหลอดขาดเท่านั้น
- ยางรถยนต์ อายุการใช้งานส่วนใหญ่ที่มักจะเปลี่ยนกันคือ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร แต่ถ้าลงให้ลึกในรายละเอียด ยางมีอายุการใช้งานนานถึง 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลิต (เฉพาะยางที่มีคุณภาพสูง) และสิ่งที่กำหนดว่า ยางหมดอายุการใช้งานจริงๆ มีอยู่ 3 ข้อ คือ 1.ความลึกของดอกยาง (ไม่ควรต่ำกว่า 3มม.) 2.สภาพโครงสร้างของยาง ยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ มีร่องรอยความเสียหายตรงไหนรึเปล่า 3.อายุของยางรถยนต์ (หากยางคุณภาพกลางๆ อาจใช้ได้ 2-4 ปี แต่ถ้ายางคุณภาพสูงอาจใช้ได้ถึง 6 ปี
การมีรถยนต์ นอกจากจะต้องขับรถเป็น ขับรถให้ถูกกฎแล้ว การดูแลรักษาก็ต้องรู้และทำให้เป็นด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเมื่อรถเกิดปัญหา คุณจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย หรือถ้านำไปซ่อม อาจจะโดนอู่หรือศูนย์บริการบางแห่งหลอกให้เปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่ และฟันค่าซ่อมหัวแบะได้
เครดิต www.sanook.com