รถมีเสียงดังผิดปกติแบบนี้ รีบตรวจเช็กด่วน!
นอกจากจะขับรถยนต์เป็นแล้ว บางทีคุณก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ที่คุณใช้งานอยู่บ้าง แม้จะเล็กน้อยก็ยังดี เพราะบางครั้งที่รถมีอาการผิดปกติ หากคุณรู้ตัวไว มันก็อาจจะช่วยเซฟรถยนต์ของคุณไม่ให้พังเยอะ รวมไปถึงค่าซ่อมค่าอะไหล่ต่างๆด้วย
ซึ่งอาการผิดปกติบางอย่างก็สามารถรับรู้ได้ด้วย เสียง ที่ดังออกมาจากรถของคุณเอง นอกจากนี้แต่ละเสียงยังบ่งบอกถึงอาการต่างๆ ที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย
เอาเป็นว่า มาลองดูลักษณะเสียงที่เกิดขึ้นเหล่านี้กันดีกว่า ว่ากำลังจะมีอะไรเสียหายกันบ้าง
- เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด หรือครืดๆ ขณะเบรก ไม่ว่าจะเบรกแรง หรือเบา ก็มักจะได้ยินเสียงแบบนี้ ให้ตรวจเช็กดูที่ผ้าเบรกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะผ้าเบรกอาจหมด นอกจากนี้ควรตรวจเช็กระบบเบรกทั้งหมดไปในคราวเดียว เผื่อจานเบรกเป็นรอย หรือชิ้นส่วนอื่นๆ เสียหาย จะได้ทำทีเดียวให้จบ
- เสียงดังจากล้อรถขณะเลี้ยว ให้ตรวจเช็กดูช่วงล่างทั้งหมด ไล่ไปตั้งแต่ แรคพวงมาลัย ลูกหมากปีกนก คันส่งคันชัก ฯลฯ เพราะมันอาจหมดอายุการใช้งาน หรืออาจเป็นเพราะเสียหายจากการใช้งานก็เป็นได้
- เสียงดังตรงซุ้มล้อเมื่อขับผ่านลูกระนาด หรือตกหลุม อาการนี้ตรวจดูโช๊คอัพได้เลย เพราะมันไม่อาจจะดูดซับแรงกระแทกได้อีกแล้ว หากอาการไม่หนักก็ซ่อมแซม อัดน้ำมันเข้าไปใหม่ แต่ถ้าแย่แล้ว แนะนำให้เปลี่ยนใหม่จะดีกว่า
- ขณะขับขี่มีเสียงหอนดังขึ้น (ยิ่งขับเร็วยิ่งดัง) อาการแบบนี้คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเพราะยางรถยนต์ ซึ่งจริงๆ แล้วนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก 2 ข้อ คือ ลูกปืนล้อแตก และเพลาขับพัง ซึ่งอาการสุดท้ายค่อนข้างจะหนักหน่อย เตรียมเวลา และเตรียมเงินเผื่อไว้เยอะๆ หน่อยก็ดี
- เสียงดังครืดคราดจากใต้ท้องรถ อาจเป็นเพราะท่อไอเสีย หรือเพลากลาง ฯลฯ เกิดความเสียหาย จุดยึด จุดติดตั้ง หลุด หรือขาดออกจากกัน
- เสียงดังกึกกักที่คอพวงมาลัย อาการนี้อาจเป็นเพราะลูกปืนคอพวงมาลัยแตก เบื้องต้นอาจดูเหมือนไม่เป็นอะไรมาก แค่มีเสียงดังรบกวน แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาการจะยิ่งแย่ จนถึงขั้นควบคุมพวงมาลัยไม่ได้ และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นด้วย
- เปลี่ยนเกียร์แล้วมีเสียงดัง หากมีอาการแบบนี้ ให้ทำการตรวจเช็กน้ำมันเกียร์ก่อน ว่ามีการเปลี่ยนถ่ายไปแล้วรึยัง หรือตรวจดูว่ายังมีน้ำมันเกียร์อยู่ในระบบหรือไม่ เพราะมันอาจจะรั่วซึมจนหายไปหมดกระปุกก็ได้ ให้ทำการซ่อมแซมโดยทันที แต่ถ้าอาการหนัก ให้ทำใจ และเตรียมตังค์เปลี่ยนเกียร์ใหม่ยกชุดได้เลย
- เสียงสตาร์ทรถยาวๆ ปกติเมื่อบิดกุญแจสตาร์ทรถไปนิดนึงก็จะติดทันที แต่ถ้าต้องลากยาวกว่าเดิม บางทีก็ติด บางทีก็ไม่ติด อย่างแรกที่ต้องคิดถึงก็คือแบตเตอรี่ เพราะมันอาจหมดอายุการใช้งานแล้ว แต่ถ้าเพิ่งเปลี่ยนแบตเตอรี่มาใหม่ ส่วนต่อไปที่ต้องเช็กก็คือ ไดสตาร์ท เพราะถ่านอาจจะหมด หรือร้ายแรงหน่อยก็เป็นที่ตัวไดสตาร์ทหมดอายุการใช้งานนั่นเอง
- เสียงดังฟู่ๆ ที่หน้าห้องเครื่อง อาการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะหม้อน้ำรั่ว หรือฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ จึงทำให้น้ำในหม้อน้ำหายออกไป และอาการหนักแน่ ถึงขั้นได้ยกเครื่องใหม่ หากไม่มีน้ำในระบบเลย วิธีตรวจเช็กให้จอดรถหลังจากขับมาระยะหนึ่ง โดยไม่ต้องดับเครื่อง จากนั้นลองเงี่ยหูฟังดูที่ด้านหน้าห้องเครื่อง หากมีเสียงให้รีบนำรถเข้าอู่ซ่อม หรือเปลี่ยนใหม่ทันที
- สตาร์ทรถแล้วมีเสียงเอี๊ยดๆ ภายในห้องเครื่อง ส่วนใหญ่เกิดจากสายพาน หรือลูกรอก หมดอายุการใช้งาน เสียหาย หรือเสื่อมสภาพ
เป็นไปได้หากรถของคุณมีเสียงดังแปลกๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น ให้รีบนำรถเข้าไปตรวจเช็กที่อู่ หรือศูนย์บริการอีกครั้งเพื่อความชัวร์ เพราะหากอาการยังไม่หนักมาก ก็จะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา แต่ถ้าปล่อยปละละเลย ทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้อาการลุกลามบานปลาย ต้องเสียทั้งเงินทั้งเวลามากขึ้น และสุดท้ายอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
เครดิต www.sanook.com