แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว สาเหตุเกิดจากอะไร?
แบตเตอรี่รถยนต์ ถือเป็นอะไหล่สิ้นเปลืองอีกชิ้นหนึ่งที่มีความจำเป็น และสำคัญมากๆ ต่อระบบรถยนต์ เพราะหากไม่มีแบตเตอรี่ รถของคุณก็จะสตาร์ทไม่ติด ไปไหนไม่ได้ แถมระบบไฟต่างๆ ก็ไม่สามารถทำงานได้อีกด้วย
สำหรับตัวแบตเตอรี่เองก็เหมือนกับชิ้นส่วนอื่นๆ เมื่อใช้งานไปแล้วก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพลง แต่หากคุณสามารถชะลอ หรือยืดอายุการใช้งานได้ มันก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คุณสามารถทำได้ หากอยากให้แบตเตอรี่อยู่กับรถคุณไปนานๆ แค่ทำตามนี้
- ใส่ขั้วแบตเตอรี่ให้แน่น เพื่อทำให้การจ่ายไฟมีประสิทธิภาพเต็มที่ เพราะหากขันขั้วแบตฯ ไม่แน่นพอ การจ่ายไฟก็จะมีปัญหา และทำให้แบตฯ เสื่อมเร็วขึ้น
- ตรวจดูระดับน้ำกลั่นเป็นประจำ สำหรับรถที่ใช้แบตเตอรี่แบบเปียกที่ต้องเติมน้ำกลั่น ให้เช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าไม่อยากตรวจดูบ่อยๆ แนะนำให้ใช้แบตเตอรี่แบบแห้งไปเลย เพื่อตัดปัญหา
- ตรวจสภาพตัวแบตเตอรี่ หากตัวแบตฯ มีรอยผิดปกติ แตก หรือร้าว มันจะส่งผลให้น้ำกลั่นที่อยู่ภายใน ไหลออกมาทำลายชิ้นส่วนอื่นๆ และยังทำให้เก็บประจุไฟฟ้าไม่ได้อีกด้วย
- ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตฯ ที่ผ่านการใช้งานมาสักระยะ จะเกิดคราบขี้เกลือ เกาะติดที่ขั้ว จึงทำให้กระแสไฟฟ้าจากแบตฯ ไหลผ่านต่อไปยังส่วนอื่นๆ ไม่สะดวก ให้แก้ไขด้วยการนำน้ำโซดา หรือน้ำร้อนราดลงไปที่ขั้ว จากนั้นใช้แปรงสีฟันเก่าขัดคราบขี้เกลือออกให้หมด แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง
- ตรวจสอบระบบไฟชาร์จ หากระบบไฟชาร์จสูงเกินไป จะทำให้น้ำกลั่นระเหยเร็วขึ้น แต่ถ้าระบบไฟชาร์จต่ำเกินไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติดนั่นเอง
แม้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ส่วนใหญ่จะใช้ได้ 1.5 – 2 ปี แต่ก็มีบ้างที่แบตฯ จะเสื่อมเร็ว หรือเสื่อมช้ากว่าปกติ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน แต่ถ้าคุณหมั่นตรวจสอบบ่อยๆ ดูแลรักษาอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และอยู่คู่กับรถของคุณไปอีกนาน
เครดิต www.sanook.com