Gaeglong

[ แอร์รถยนต์ จะล้างแบบไหนดีนะ? ]

  • Home
  • »
  • บทความ
  • »
  • [ แอร์รถยนต์ จะล้างแบบไหนดีนะ? ]

แอร์รถยนต์ จะล้างแบบไหนดีนะ?

ตู้ แอร์รถยนต์ ก็เหมือนกับตู้แอร์หรือแผงแอร์ในบ้านเรา เมื่อใช้งานไปนานๆ ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกก็จะเข้าไปสะสมและเกาะตัวเป็นคราบและอุดตันการไหลของลมเย็นที่พัดออกมาสู่ห้องโดยสาร เมื่อความเย็นออกมาไม่เต็มที่ ประกอบกับอากาศภายนอกที่ร้อนระอุ ยิ่งถ้าเรานั่งอยู่บนรถทั้งๆ ที่ แอร์รถยนต์ ไม่มีความเย็นแต่อย่างใดคงจะอารมณ์เสียน่าดูเลยทีเดียวแหละ

ดังนั้น ถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้ ควรที่จะให้ความสำคัญกับระบบ แอร์รถยนต์ กันสักหน่อย แล้วหาเวลานำรถไปล้างตู้ แอร์รถยนต์ บ้าง ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าควรจะล้างตู้ แอร์รถยนต์ แบบไหนดี ระหว่างล้างแบบถอดตู้และล้างแบบไม่ถอดตู้ ซึ่งการล้าง แอร์รถยนต์ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ที่คุณอาจยังไม่ทราบ ลองไปดูกันสิว่าแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

การล้างตู้แอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้

หรือล้างแบบส่องกล้อง โดยทั่วไปแล้วการล้างตู้ แอร์รถยนต์ แบบไม่ถอดตู้จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้างเท่านั้น และการล้างแบบนี้เหมาะกับรถใหม่ รถที่ล้าง แอร์รถยนต์ ปีละ1 ครั้ง หรือเหมาะกับรถที่ดูแลตู้ แอร์รถยนต์ เป็นประจำ

ข้อดี

  1. ไม่ต้องรื้อคอนโซล
  2. ทำความสะอาดง่ายกว่า
  3. ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบถอดตู้ แอร์รถยนต์
  4. ใช้เวลาในการทำความสะอาดเร็วกว่าแบบถอดตู้ แอร์รถยนต์

ข้อเสีย

  1. ถ้าหากตู้ แอร์รถยนต์ สกปรกมาก อาจจะล้างไม่สะอาดเท่าที่ควร
  2. *** หรือใช้วิธีในการฉีดสเปรย์เพื่อทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็น 2-3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งคราบน้ำยาจะค่อยๆ ออกมาพร้อมกับน้ำยาแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง

การล้างตู้แอร์รถยนต์แบบถอดตู้

ต้องรื้อตู้แอร์ แล้วเอาแผงคอยล์เย็นและแผงคอยล์ร้อนออกมาล้างสิ่งสกปรกตามซอกตามมุม ซึ่งการถอดตู้ แอร์รถยนต์ แบบนี้ ต้องแวคเติมน้ำยาแอร์ใหม่ และต้องเปลี่ยนไดเออร์กับวาล์วความดัน ถ้าไม่อยากเปลี่ยนท่อแอร์อาจรั่วได้ เพราะเกิดความชื้นเข้าไปอยู่ในระบบจากการถอดตู้ แอร์รถยนต์

ข้อดี

  1. ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม และ แอร์รถยนต์ สะอาดกว่าไม่ถอดตู้ แอร์รถยนต์
  2. สามารถตรวจสอบหรือเช็คสภาพของตู้ แอร์รถยนต์ ได้
  3. สามารถประเมินอายุการใช้งานของ แอร์รถยนต์ ได้

ข้อเสีย

  1. ต้องยุ่งยากรื้อคอนโซล
  2. ใช้เวลาทำความสะอาดนาน
  3. มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบไม่ถอดตู้ แอร์รถยนต์
  4. ถ้าเจอร้านใช้ผงซักฟอก โซดาไฟในการล้าง เมื่อเวลาประกอบกลับเข้าไป แล้วเปิดแอร์จะรู้สึกว่ามีกลิ่นผงซักฟอก แสดงว่ายังบ้างออกมาไม่หมด อาจกัดกร่อนคอยล์เย็นได้ และเมื่อเวลาสูบดูดเข้าไป จะส่งผลไม่ดีต่อระบบหายใจแน่นอน

ตู้ แอร์รถยนต์ คุณควรหมั่นดูแลล้างตู้แอร์รถยนต์เป็นประจำ เพื่อไม่ให้คราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเข้ามาเกาะหรือสะสมเป็นจำนวนมาก สำหรับรถใหม่ ที่มีอายุการใช้งานไม่กี่ปี หรือเป็นรถเก่าที่มีอายุการใช้งานมาหลายปี แต่ยังคงดูแลรักษาระบบแอร์รถยนต์เป็นประจำ แต่ต้องการอยากจะล้างตู้ แอร์รถยนต์ ควรล้างตู้แอร์แบบไม่ต้องถอดตู้ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่ถ้าหากตู้ แอร์รถยนต์ ไม่เคยล้างเลยเป็นระยะเวลานานๆ และมีความสกปรกมาก การถอดตู้ แอร์รถยนต์ ออกมาล้าง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะเห็นได้ว่าการถอดตู้ แอร์รถยนต์ สามารถฉีดน้ำทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม และเห็นว่า แอร์รถยนต์ สะอาดจริงๆ

เครดิต www.mthai.com