ไดสตาร์ทเสียมันมีอาการแบบไหนกันนะ?
รถทุกคันก่อนจะขับใช้งานได้ ต้องผ่านการติดเครื่อง หรือการสตาร์ทเครื่องยนต์ทุกครั้ง ซึ่งหน้าที่ตรงนี้เป็นของ ไดสตาร์ท หรือมอเตอร์สตาร์ท (Starter Motor) ทั้งหมด
หลักการทำงานของไดสตาร์ทก็ง่ายๆ เมื่อมีการกด หรือบิดสวิตช์กุญแจ ตัวมันก็จะแปลงเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นพลังงานกล จากนั้นจึงฉุดเครื่องยนต์ให้ติด พร้อมทำงาน และเมื่อทำการสตาร์ทติดแล้ว หน้าที่ของมันก็ถือว่าเสร็จสิ้น และนี่คือสาเหตุที่ทำให้มันมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่าชิ้นส่วนอื่นๆ เพราะใช้แค่ตอนสตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่ามันจะอยู่คงทน หรือไม่มีอาการเสียเลย เพราะของทุกอย่างมีอายุการใช้งาน รวมไปถึงลักษณะการใช้งาน การดูแลรักษาของแต่ละคนด้วย
ซึ่งอาการบ่งบอกว่าไดสตาร์ทจะเสียแล้ว มีดังนี้
- หมุนกุญแจ หรือกดปุ่มสตาร์ทแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น
- หลังจากสตาร์ทติด มีเสียงผิดปกติ เสียงดังครืดคราด ฯลฯ
- แปรงถ่านในตัวไดสตาร์ทอาจหมด หรือใกล้หมด
สำหรับวิธีแก้ไขปัญหานี้ คุณอาจต้องนำรถเข้าอู่ หรือศูนย์บริการ เพื่อให้ช่างที่ชำนาญช่วยเช็ก ช่วยตรวจสอบ หรือแก้ไขซ่อมแซมให้ แต่ถ้าหากเป็นเหตุฉุกเฉิน ไม่สามารถสตาร์ท หรือเคลื่อนที่รถได้ ให้ลองสตาร์ทแบบเร็วๆ ด้วยการหมุนกุญแจแล้วบิดรวดเดียวไปเลย หากโชคดีสตาร์ทติด ก็รีบขับไปหาร้านซ่อมทันที แต่ถ้าวิธีนี้ไม่เวิร์ค ให้ไปหาท่อนไม้ หรือท่อนเหล็กยาวๆ กระทุ้งไปที่ตัวไดสตาร์ทเบาๆ สัก 4-5 ครั้ง จากนั้นจึงค่อยกลับไปลองสตาร์ทดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะมันอาจจะแค่สกปรกก็ได้
และวิธีสุดท้าย จะใช้ได้แต่เฉพาะรถเกียร์ธรรมดาเท่านั้น เนื่องจากต้องเข็นแล้วสตาร์ท ด้วยการใส่เกียร์ 1 แล้วเหยียบคลัทช์ แล้วหมุนกุญแจสตาร์ทรถ จากนั้นเมื่อความเร็วถึงระยะ ก็ปล่อยคลัทช์แล้วเหยียบคันเร่งทันที และทันทีที่สตาร์ทติด คุณจึงค่อยแตะเบรก
แต่ก่อนที่คุณจะพบปัญหาของไดสตาร์ท บางครั้งคุณอาจโดนหลอกจากแบตเตอรี่ และไดชาร์จ เพราะส่วนใหญ่ ปัญหาตามที่กล่าวมานี้ จะมีอาการคล้ายๆ กัน ทำให้ในตอนแรก อาจแยกแยะไม่ออกว่าเป็นที่ส่วนใดกันแน่ จนคุณอาจเสียเงินเปลี่ยน เสียเงินซ่อม ทั้งแบตเตอรี่ และไดชาร์จไปแล้ว ทางที่ดีคุณควรตรวจเช็กพวกมันให้ดีก่อน แล้วค่อยไล่มาที่ไดสตาร์ทเป็นจุดสุดท้ายก็ได้
เครดิต www.sanook.com