ผ่าไส้ใน ขุมพลังขนาดเล็กตระกูลใหม่ล่าสุดของ BMW
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปเพิ่งเปิดตัวเครื่องยนต์โมดูลาร์ขนาดเล็กภายใต้ชื่อ “บี-ซีรีส์” เจนเนอเรชั่นล่าสุดซึ่งมีทั้งเบนซินและดีเซลรุ่นใหม่ พร้อมกับเคลมว่ามีสมรรถนะและความประหยัดเพิ่มขึ้น
เครื่องยนต์ตระกูลล่าสุดนี้ใช้โครงสร้างร่วมกันแบบ 500 ซีซีต่อหนึ่งลูกสูบ เหมาะสำหรับทั้งการวางขวางและวางตามยาว นั่นหมายถึงการรองรับระบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนล้อหน้า สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ โดยไม่ว่าจะมีความจุหรือใช้น้ำมันแบบใดก็ตาม เครื่องยนต์ตระกูลใหม่นี้จะมีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย รวมถึงสายพานไทมมิ่ง และส่วนประกอบอื่นๆ ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการประกอบและดูแลรักษา
ค่ายรถยักษ์เยอรมันระบุว่า เครื่องยนต์บี-ซีรีส์ประกอบด้วยบล็อก 3 สูบ 1.5 ลิตร 4 สูบ 2.0 ลิตร และ 6 สูบ 3.0 ลิตร โดยมีหลายระดับพละกำลัง และจะมีเวอร์ชั่นไฮบริดด้วยเช่นกัน
เครื่องยนต์เบนซิน
ขุมพลังเบนซินตระกูลบี-ซีรีส์มาพร้อมเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างเทอร์โบชาร์จ หัวฉีดไดเรคอินเจคชั่น วาล์วทรอนิก และ Double VANOS เป็นอุปกณ์มาตรฐาน โดยตัวเทอร์โบจะติดตั้งอยู่กับฝาสูบภายใต้ฝาครอบอลูมิเนียมหรือเหล็กกล้าในรุ่น 3 สูบ แต่ในรุ่น 4 สูบจะใช้เหล็กกล้า
ระบบจ่ายเชื้อเพลิงได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งปั๊มเชื้อเพลิงและสายเชื้อเพลิง บีเอ็มดับเบิลยูเคลมว่าการปรับปรุงใหม่นี้จะช่วยเพิ่มแรงดันเชื้อเพลิงให้สูงถึง 350 บาร์ จึงช่วยยกระดับความแม่นยำของเชื้อเพลิงและเพิ่มการเผาไหม้ตลอดรอบการทำงานของเครื่องยนต์
ด้านระบบหล่อเย็นก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยปั๊มน้ำยาทำความเย็นมีช่องทางออกแยกส่วนเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของน้ำยาบริเวณฝาสูบและเสื้อสูบ จึงช่วยเพิ่มการจัดการความร้อน นำไปสู่การลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษอื่นๆ
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบและ 4 สูบยังมาพร้อมเพลาถ่วงสมดุลลที่มีน้ำหนักเบาลงเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน โดยทางบีเอ็มดับเบิลยูยังมุ่งมั่นลดน้ำหนักเพลาดังกล่าวให้เบาลงกว่านี้อีกเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลและไหลลื่นในการขับขี่
ในส่วนอื่นๆ ยังรวมถึงการพัฒนาระบบต่างๆ ซึ่งทำให้เครื่องยนต์เบนซินมีความประหยัดมากขึ้น 5% และเพิ่มพละกำลังราว 7 แรงม้า แรงบิดขยับขึ้นประมาณ 20 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์ดีเซล
การปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซลเริ่มจากแก่นหลักอย่างกระบวนการผลิตเสื้อสูบใหม่ ซึ่งเรียกว่า form honing ซึ่งจะช่วยชดเชยการขยายตัวที่ไม่เท่ากันของเสื้อสูบเครื่องยนต์ภายใต้ความร้อนสูง ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว กระบวนการนี้จะช่วยให้มิติลูกสูบมีความเท่ากันจากบนลงล่างจึงช่วยลดการเสียดทาน
มีการพัฒนาหัวฉีดใหม่ด้วยการอัพเกรดเซ็นเซอร์เพื่อให้การจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่กระบอกสูบมีความถูกต้อง โดยใช้หัวฉีดหลายหัวในครั้งเดียว ห้องเผาไหม้มีความสะอาดมากขึ้นด้วยการปรับแรงดันการฉีด โดยเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบมีแรงดันที่ 2,200 บาร์ ส่วนเครื่องยนต์ 4 สูบมีแรงดัน 2,500 – 2,700 บาร์ ขึ้นอยู่กับพละกำลัง
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 4 สูบของบีเอ็มดับเบิลยูในอนาคตจะใช้เครื่องยนต์เทอร์โบคู่แบบซีเควนเชียลเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบนี้จะควบคุมการทำงานแรงดันต่ำและแรงดันสูงแยกส่วนกันแต่ประสานกันอย่างลงตัว ซึ่งช่วยให้เครื่องยนต์ดีเซลมีความประหยัดมากขึ้น 5% และปล่อยมลพิษลดลง 5%