t
++ ใช้รถที่มีเทอร์โบ อย่างเข้าใจ ++
สำหรับเทอร์โบชาร์จไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แต่บ้านเรานั้นเพิ่งใช้อย่างจริงจังในช่วงสิบกว่าปีมานี้ หลัก ๆ คือใช้ในเครื่องยนต์ดีเซลเพราะต้องการสมรรถนะเพิ่มและลดมลพิษ
t
t แต่วันนี้ในเครื่องยนต์เบนซินนั้นมีเทอร์โบใช้กันแพร่หลายมากขึ้น เพราะว่าต้องการลดความจุกระบอกสูบ ส่งผลในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน เพิ่มสมรรถนะ ลดมลพิษ
t
t เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 เทอร์โบ จะมีสมรรถนะเทียบเคียงกับเครื่องยนต์ 2,550 ซีซี เลยทีเดียว (ใช้ตัวเลข 1.7 คูณกับความจุเครื่องยนต์เทอร์โบ) เป็นการเทียบกับเครื่องเทอร์โบที่เน้นสมรรถนะเต็มที่
สำหรับรถบ้านใช้งานจะเทียบเคียงกับเครื่องราว 2,000-2,200 ซีซี เพราะเป็นรถบ้านใช้งานทั่วไป เครื่องยนต์เทอร์โบนั้นไม่ใช่ว่าจะแรงอย่างเดียว เพราะสามารถเซตได้หลายระดับตามความต้องการใช้งาน
t
t อย่างรถบ้านใช้งานทั่วไปมักใช้เทอร์โบลูกเล็ก เน้นการทำงานช่วงรอบต่ำถึงรอบกลาง ๆ เพิ่มสมรรถนะ ความประหยัดและมลพิษต่ำ
t
t ถ้าเป็นรถที่เน้นสมรรถนะก็จะใช้เทอร์โบขนาดใหญ่ขึ้น การทำงานรอบกลางถึงสูง แน่นอนว่าสมรรถนะที่ได้นั้นก็ต้องแลกมาด้วยความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มากกว่า
t
t ส่วนรถสปอร์ตก็จะใช้เทอร์โบที่เน้นสมรรถนะเต็มที่ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องความสิ้นเปลือง
t
t คนที่ไม่เคยขับรถเครื่องยนต์เทอร์โบมาก่อนมักหวังว่ารถจะต้องแรง เพราะคำว่า ‘เทอร์โบ’ มันจะต้องมีพลังแรง แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ เนื่องจากรถบ้านจะเน้นการเพิ่มสมรรถนะในย่านความเร็วต่ำถึงความเร็วปานกลาง
t
t สมรรถนะจะแสดงออกมาย่านความเร็วใช้งาน เช่น การเร่งแซงสมรรถนะจึงจะออกมาเต็มที่ ดังนั้นต้องทำความเข้าใจว่าเครื่องยนต์เล็กที่มีเทอร์โบต้องการให้สมรรถนะย่านรอบต่ำถึงรอบค่อนข้างสูง ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ความจุมากกว่าแต่ไม่มีเทอร์โบ ไม่ได้เน้นความแรงแบบรถสปอร์ต
t
t หลายคนผิดหวังที่ได้ลองรถบ้านเครื่องยนต์เทอร์โบแล้วบอกว่ามันไม่แรง นั่นเพราะรถกลุ่มนี้ไม่ต้องการความแรงนั่นเอง
t
t
t รถรุ่นเดียวกัน คันหนึ่งเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ อีกคันหนึ่งเครื่องยนต์ 2.0 ไม่มีเทอร์โบ ส่วนตัวแล้วเครื่องเทอร์โบถูกจริตมากกว่า เพราะลักษณะการใช้งานนั้น เครื่องยนต์เทอร์โบช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า โดยเฉพาะช่วงไต่ความเร็วหรือเร่งแซง เพียงแค่ปรับลักษณะการขับขี่หน่อย จะพบว่าเครื่องเทอร์โบตอบสนองได้น่าประทับใจกว่า
t
t เหมือนการใช้เกียร์ CVT ถ้าไม่ปรับตัวเข้าหาระบบก็จะบ่นอยู่นั่นแหละว่ามันไม่แรง ไม่ดี แต่คนที่ปรับเข้าหาระบบได้จะพบถึงสมรรถนะและความประหยัดที่ซ่อนอยู่
tการดูแลรักษา
tรถเทอร์โบที่เป็นกลุ่มรถบ้านไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตอนเช้าสตาร์ทแล้วก็ออกตัวได้เลย วอร์มเครื่องโดยการขับช้าๆ รอบต่ำๆ เมื่ออุณหภูมิเครื่องขึ้นถึงระดับปกติก็ใช้ความเร็วได้ตามปกติ
t
t การวอร์มเครื่องโดยการจอดติดเครื่องไม่ได้เกิดประโยชน์ สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและมลพิษสูง การใช้งานแบบการขับขี่ทั่วๆ ไปเมื่อจอดก็ดับเครื่องได้เลย
กรณีขับทางไกลมายาวๆ ใช้ความเร็วสูงหรือรอบเครื่องสูง เมื่อใกล้ถึงที่หมายสัก 5-10 กิโลเมตร ลดความเร็วลงเหลือสัก 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้เต็มที่ เมื่อถึงจุดหมายสามารถดับเครื่องได้เลย
t
t การจอดติดเครื่องทิ้งไว้ 2-5 นาทีไม่ได้มีประโยชน์เลย เพราะพัดลมจะทำหน้าที่ระบายความร้อนอย่างเดียว ถ้ารถวิ่งอยู่ลมจะเข้ามาปะทะหม้อน้ำและลมที่ไหลเวียนใต้ท้องรถจะช่วยดึงความร้อนออกจากห้องเครื่องยนต์อีกทาง ซึ่งให้ประสิทธิภาพดีกว่า
t
t อีกเรื่องก็ใช้น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบแค่นั้นเอง นอกนั้นไม่มีอะไรน่ากังวล เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวไปไกลมาก รถกระบะเทอร์โบใช้บรรทุกส่งของด้วย เครื่องยนต์ใช้งานเป็นล้านกิโลเมตรโดยไม่เคยเปิดฝาสูบเลยด้วยซ้ำ แค่ทำความเข้าใจและดูแลตามระยะที่เหมาะสมเท่านั้น
เครดิต www.gmcarmagazine.com