อะไหล่แท้ อะไหล่เทียม อะไหล่เทียบ เทียมๆแท้ๆ แท้ๆเทียมๆ จะเลือกอันไหนดี ตอน1


>> อะไหล่แท้ อะไหล่เทียม อะไหล่เทียบ เทียมแท้ๆ แท้เทียมๆ >> ปวดหัวและงงกับชื่อเรียก และการเลือกซื้อไหม เลือกอย่างไรให้ได้คุณภาพ และความปลอดภัย
 
เมื่อชิ้นส่วนเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน เราก็ต้องเปลี่ยนต้องซ่อมเป็นธรรมดา เพื่อให้ตัวรถมีสภาพสมบูรณ์ ทำงานได้อย่างปลอดภัยทุกระบบ ตามปกติแล้วเจ้าของรถส่วนใหญ่จะนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็ก และซ่อมบำรุงตามระยะ แต่เมื่อหมดระยะรับประกันเฉลี่ย 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร เจ้าของรถจำนวนไม่น้อยหันไปใช้บริการอู่หรือศูนย์ซ่อมอิสระ ส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าการซ่อมที่ศูนย์มีราคาแพงนั่นเอง
 
        ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าศูนย์บริการเองก็ซ่อมไม่จบเหมือนกันให้ซ่อมหลายๆ ครั้ง และการเปลี่ยนอะไหล่ก็เปลี่ยนแบบหว่านแห ทำให้ลูกค้าเจอค่าใช้จ่ายสูง ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าช่างในศูนย์นั้นมีประสบการณ์น้อย ช่างเก่งๆ หรือช่างเก่าแก่ก็ออกไปเปิดอู่กันเองหมด เนื่องมาจากค่าตอบแทนมันค่อนข้างต่ำนั่นเอง เป็นผลต่อเนื่องมาจากยุคเศรษฐกิจทรุด
 
        ช่างเงินเดือนเยอะๆ มักจะถูกบีบให้ออก แล้วจ้างเด็กจบ ปวช. หรือ ปวส. จบใหม่ๆ มาทำงานแทน เพราะช่างเก่าออกไปสามารถจ้างเด็กใหม่ได้ 2-3 คนเลยทีเดียว ทำให้การซ่อมของศูนย์จึงมีปัญหาค่อนข้างมาก เพราะช่างขาดประสบการณ์ เอะอะก็เปลี่ยนแบบเหวี่ยงแห ทำให้เจ้าของรถเสียค่าใช้จ่ายบานปลายและเข็ดกับศูนย์บริการในที่สุด

        วันนี้เรามีทางเลือกมากขึ้น แน่นอนว่าการเข้าไปตรวจเช็กที่ศูนย์นั้นจะใช้เครื่องมือพิเศษ หรือคอมพิวเตอร์ในการตรวจเช็กและอ่านค่า ดังนั้นเราสามารถให้ศูนย์บริการตรวจเช็กและประเมินค่าใช้จ่ายได้ ถ้าเห็นว่าแพงไปหรือเปลี่ยนเยอะเกินไปก็สามารถที่จะนำไปซ่อมข้างนอกได้ โดยเอารายการจากที่ศูนย์ตรวจเช็กนั่นแหละไปแจ้งซ่อม

 
        กรณีเดียวกันอู่ข้างนอกก็ไม่ได้จะถูกกว่าไปซะทุกเรื่อง หลายครั้งซ่อมแล้วราคาแทบไม่ได้แตกต่างจากศูนย์บริการเลย ดังนั้นการซ่อมควรจะพิจารณาให้รอบคอบว่าจะซ่อมลักษณะใด เล่มนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องของอะไหล่ และการเลือกสถานที่ซ่อม ว่าควรเลือกอย่างไรถึงจะเหมาะสม เพราะอะไหล่คือชิ้นส่วนสำคัญเพราะหลายครั้งเปลี่ยนอะไหล่แล้วยังมีผลทำให้หลังจากการซ่อมอาการไม่หายขาด โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์มักจะมีปัญหาจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ ตามมาไม่ค่อยจบสิ้น เป็นแนวทางเผื่อเจอกับรถของคุณเองจะได้คลำหาต้นตอได้ไม่ยากเย็นนัก

รู้จักกับประเภทอะไหล่ในท้องตลาดแบบภาษาชาวบ้าน
เรามักจะได้ยินเรื่องการเรียกอะไหล่ของช่าง ของร้านอะไหล่ หรือแม้แต่คนใช้รถเรียกกันว่า อะไหล่แท้, อะไหล่เทียมแท้ อะไหล่เทียม และอะไหล่มือสอง การเลือกซื้ออะไหล่มีหลายแนวทาง แต่เลือกอย่างไรให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน เพื่อความสมบูรณ์ของตัวรถและความปลอดภัย รวมถึงเหมาะกับงบประมาณ จะแบ่งประเภทของอะไหล่ให้เข้าใจง่ายๆ เป็นพื้นฐานในการเลือกซื้อที่ง่ายขึ้น โดยแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
 
1. อะไหล่ใหม่และเป็นของแท้ หมายถึงต้องมีกล่องหรือหีบห่อที่มีโลโกเดียวกับรถยนต์ของเรา อะไหล่พวกนี้สามารถเบิกจากศูนย์บริการเองก็ได้ หรือสั่งผ่านร้านอะไหล่ เพราะมีอะไหล่ปลอมที่ก๊อบปี้ทั้งอะไหล่และแพ็คเกจก็มี ดังนั้นอะไหล่แท้ควรจะซื้อจากศูนย์หรือร้านอะไหล่ใหญ่ๆ ที่ไว้ใจได้
 
2. อะไหล่เทียมแท้ เป็นอะไหล่ใหม่เหมือนกัน แต่เป็นยี่ห้ออิสระ มีราคาถูกกว่าอะไหล่ของแท้ราว 15-40 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ประเภทของอะไหล่ ร้านมักจะบอกว่าเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิตให้บริษัทรถยนต์ แต่บอกได้เลยว่าจริงบ้างไม่จริงบ้าง เพราะมีบางยี่ห้อที่ผลิตให้บริษัทรถยนต์จริง หลายยี่ห้อก็ไม่ใช่ ต้องศึกษากันให้ดี
 
3. อะไหล่เทียม คืออะไหล่ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพมากนัก เน้นราคาถูกไว้ก่อน
 
4. อะไหล่มือสอง ในที่นี้หมายถึงอะไหล่ที่ถอดจากรถรุ่นเดียวกัน อาจถอดมาจากชิ้นส่วนเก่าญี่ปุ่นหรือรถในบ้านเราก็ได้ บางอย่างก็สามารถใช้ได้และดีกว่าใช้ของเทียม แต่ก็ต้องศึกษาด้วยว่าอะไหล่มือสองนั้นเป็นอะไหล่นำเข้าหรืออะไหล่ที่ถอดมาจากรถในบ้านเรา นั่นเพราะว่ารถหลายรุ่นที่ขายในบ้านเรานั้น ไม่สามารถใช้อะไหล่ร่วมกับรถที่ญี่ปุ่นได้ อาจจะมีหลายอย่างใช้ได้และใช้ไม่ได้ก็ต้องศึกษาให้ดี จะได้ไม่ต้องเจออะไหล่เก่าที่ถอดมาจากรถบ้านเราแล้วขายวนในนี้

อะไหล่มีคุณภาพและอะไหล่ไม่มีคุณภาพ
อยากให้เรียกอะไหล่เป็นสองประเภทนี้จะเข้าใจได้ง่ายกว่า ว่าของมีคุณภาพและไม่มีคุณภาพนั้นมันจะแตกต่างกันเพียงใด
 
        อะไหล่คุณภาพก็คืออะไหล่แท้เบิกห้าง และอะไหล่ที่ผลิตจากซัพพายเออร์ที่ผลิตส่งให้กับบริษัทรถยนต์ บ้านเราเองมีหลายยี่ห้อเหมือนกัน ชิ้นส่วนเหล่านี้มีคุณภาพเทียบเท่าของเบิกห้างแต่ราคาถูกกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกชิ้นส่วนช่วงล่าง ระบบเบรก ระบบไฟฟ้า หรือแม้แต่ระบบปรับอากาศ ส่วนอะไหล่มือสองก็จัดอยู่ในอะไหล่คุณภาพ เพียงแต่ว่าสภาพนั้นต้องอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งานไม่ใช่อะไหล่ชำรุด
 
         ส่วนอะไหล่ไม่มีคุณภาพนั้นก็คืออะไหล่ปลอม อะไหล่ทำเลียนแบบ ซึ่งมีเยอะมากในท้องตลาด พวกนี้จะเน้นราคาถูกมากเป็นพิเศษ เอาไปใช้งานอาจจะก่อให้เกิดปัญหา เช่นเครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าอาจจะทำงานไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีความปลอดภัยพออาจจะแตกหักหรือสึกหรอได้ง่าย และอาจจะทำให้เกิดอันตรายในที่สุด  

อะไหล่ประเภทไหนควรเลือกอย่างไร

เพื่อให้ตัวรถทำงานได้สมบูรณ์เต็มร้อย เพราะการเลือกอะไหล่มีเหตุผลหลายประการด้วยกัน แต่หลักๆ คือเรื่องของงบประมาณ เพราะถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหา ใครๆ ก็คงเปลี่ยนเอาอะไหล่แท้กันหมดแน่นอน
 
        เมื่อแบ่งประเภทของอะไหล่ไปแล้ว ก็อยากจะแบ่งประเภทของระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ไว้ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าอะไหล่แบบไหนเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย อะไหล่แบบไหนเกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ และอะไหล่แบบไหนไม่ซีเรียสว่าจะต้องเป็นอะไหล่แท้ เทียม หรือมือสอง
 
        ระบบต่างๆ ภายในรถ ได้แก่ ชิ้นส่วนตัวถัง ระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์และเกียร์ ช่วงล่าง ประเภทหลักๆ นี้ก็มีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการเลือกซื้อและพิจารณา
 
ชิ้นส่วนตัวถัง
ได้แก่ ประตู ฝากระโปรง ไฟหน้า ไฟท้าย กระจัง ฯลฯ ชิ้นส่วนพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยมากนัก ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไหล่ใหม่หรือแท้ก็ได้ แต่แนะนำว่าควรเป็นอะไหล่มือสองหรืออะไหล่เก่าจะดีกว่า เพราะมันคืออะไหล่ของแท้แต่ถูกถอดมานั่นเอง
 
        ราคาอาจจะพอๆ กับอะไหล่ของเทียมหรือของไต้หวัน แต่คุณภาพและความประณีตดีกว่า ใส่แล้วไม่มีช่องไฟเหลือ แนบสนิทพอดี ไม่ต้องตกแต่งชิ้นส่วน และที่สำคัญอายุการใช้งานอาจจะยาวนานกว่าของไต้หวันด้วยซ้ำ อย่างไฟหน้าของไต้หวันบางทีปีกว่าๆ ก็หมองแล้ว แต่ของมือสองอาจจะอยู่ทนกว่าเยอะ ประเภทนี้สามารถเลือกได้ตามความต้องการไม่มีผลต่อความปลอดภัยอะไร
 

ระบบไฟฟ้าในรถยนต์

ในที่นี้แบ่งได้เป็นสองประเภทย่อยๆ นั่นก็คือระบบอำนวยความสะดวก และระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ มาดูแบบแรกกันก่อน นั่นก็คือ ระบบไฟฟ้าอำนวยความสะดวก เช่น เซ็นทรัลล็อก กระจกไฟฟ้า เบาะไฟฟ้า เครื่องเสียง กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สามารถใช้ของมือสองได้ ของเทียมบางอย่างก็ใช้ได้แต่พอนานๆ ไปอาจจะมีปัญหาบ้าง เนื่องจากคุณภาพของชิ้นส่วนอาจจะไม่ได้มาตรฐานนัก
 
        ระบบไฟฟ้าเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องซื้อของแท้หรือของใหม่เพราะแพงโดยใช่เหตุ เว้นแต่เช็กราคาแล้วต่างกับของมือสองไม่มากก็ค่อยซื้อของใหม่ อย่างสวิตช์กระจกไฟฟ้า มอเตอร์กระจกไฟฟ้า ฯลฯ ใช้ของมือสองก็ได้ ไม่มีผลต่อความปลอดภัยอะไร ส่วนพวกรีเลย์ เซ็นเซอร์ต่างๆ ก็หาซื้อตรงยี่ห้อจากของเดิมก็ได้ซึ่งค่ายรถยนต์ก็ใช้อยู่ไม่กี่ยี่ห้อ
 
        ประเภทต่อมาคือระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ ประเด็นนี้เริ่มซีเรียสแล้ว เพราะมันส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ เช่น คอยล์จุดระเบิด ไดชาร์จ มอเตอร์สตาร์ท เซ็นเซอร์ต่างๆ แอร์โฟร์มิเตอร์ ฯลฯ ชิ้นส่วนเหล่านี้ควรซื้อของแท้หรือของมือสองเท่านั้น ของเทียมไม่แนะนำเพราะมันอาจส่งผลกับการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง
 
        อยากแนะนำว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับระบบต่างๆ เหล่านี้ เมื่อช่างประเมินแล้วว่าอะไรเสีย เช่น คอยล์จุดระเบิด ไดชาร์จ มอเตอร์สตาร์ท ฯลฯ ควรโทรฯเช็กกับศูนย์บริการก่อนว่าราคาเท่าไหร่ และค่าแรงเท่าไหร่ จากนั้นค่อยเปรียบเทียบกับอะไหล่มือสอง
 
ถ้าพบว่าราคาต่างกัน 30-50 เปอร์เซ็นต์ แนะนำว่าเข้าศูนย์ไปเลยดีกว่า เพราะอะไหล่เหล่านี้ใช้งานได้อย่างน้อยๆ 4-5 ปีขึ้นไป เช่น มอเตอร์สตาร์ทมือสองลูกละ 2,500 บาท ค่าแรงเปลี่ยนอีก 200 บาท แต่ของใหม่ราคา 4,800 บาท ค่าแรงราว 260 บาท
 
        ถ้าเปลี่ยนมอเตอร์สตาร์ทในศูนย์ คุณจะได้คืออายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าของมือสองมากกว่าเท่าตัว และการรับประกันอะไหล่ 6-12 เดือน รับประกันการซ่อม 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย เท่ากับว่าเป็นส่วนต่างที่น่าเพิ่ม เนื่องจากของมือสองนั้นรับประกันเต็มที่ก็ 7-15 วัน หลังจากนั้นเสียแล้วเสียเลย การรับประกันการซ่อมก็ไม่มี ถ้าโชคร้ายใช้ไปได้ไม่นานแล้วเสียอีก เท่ากับว่าราคาอะไหล่และค่าแรงเมื่อเปลี่ยนสองครั้งมันเกินของใหม่อีก
 
        แต่ก็มีข้อยกเว้น เช่น แอร์โฟร์มิเตอร์ของใหม่ ราคาอาจสูง 13,000-18,000 บาท ถ้าของมือสองราคา 3,000-4,000 บาท อย่างนี้ก็พอที่จะตัดสินใจซื้อของมือสองได้

เครดิต www.gmcarmagazine.com