เทคนิคการเลือกทำประกัน ให้เหมาะตามการใช้งานของรถกระบะ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนไทยกับ รถกระบะ นั้นถือเป็นรถที่มีความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เพราะเนื่องจากการใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวันแล้ว ยังสามารถใช้งานได้แบบเอนกประสงค์อีกด้วย ไม่ว่าจะใช้งานในเชิงพานิชย์ขับขี่รับส่งของ หรือบางทีก็มีการดัดแปลงเอาไปใช้เป็น รถขนส่งสาธารณะ ก็มีเยอะ แล้วอย่างนี้เราควรจะทำ ประกันภัย แบบไหนดีถึงจะเหมาะกับการใช้งาน
ก่อนอื่นต้องมาดูประสงค์ก่อนว่า เรานำรถมาใช้งานแบบไหน จุดประสงค์เพื่ออะไร ซึ่งถ้าเป็นรถใหม่ เป็น รถกระบะส่วนบุคคล ควรเลือกทำประกันชั้น 1 เพราะจะคุ้มครองในทุกกรณี แต่ถ้านำมาใช้งานขนของ รับ – ส่ง สินค้า ถ้าตัวรถอาจจะมีการใช้งานมาสักระยะนึงแล้ว เช่น 6 เดือน – 1 ปี ประกันชั้น 2+ จะตอบโจทย์ตรงส่วนนี้ที่สุด เพราะจะคุ้มครองในกรณี รถหาย ไฟไหม้ หรือคนขับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เสียชีวิต รวมถึงยังครอบคลุมการจ่ายค่าเสียหายแก่คู่กรณีอีกด้วย อีกทั้งค่าเบี้ยยังถูกกว่าประกันชั้น 1 และ สุดท้ายถ้ามีการรถกระบะใช้งานต้ังแต่ 1 ปีขึ้นไป แล้วนำมาดัดแปลงเป็นรถขนส่งสาธารณะ ควรเลือกประกันชั้น 3+
นอกจากนี้ในกรณีที่นำรถกระบะมาใช้งานขนของ รับ – ส่ง สินค้า ยังมีข้อกฏหมายที่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่บรรทุกมาบนรถอีกด้วยดังนี้ ซึ่งตาม พรบ. การจราจรทางบก พ.ศ. 2552 มาตรา 5 และมาตรา 18 ระบุไว้ว่า รถบรรทุกสิ่งของทุกคัน จะต้องบรรทุกสิ่งของที่มีความยาวด้านหน้าไม่เกินกันชนหน้ารถ มีความยาวเลยท้ายรถได้ไม่เกิน 2.5 เมตร และขนาดของความกว้างสิ่งของที่บรรทุก จะต้องไม่เกินขนาดความกว้างของตัวรถเช่นกัน ส่วนความสูงแบ่งได้เป็นสองกรณีคือ ถ้าเป็นรถที่มีขนาดความกว้าง 2.3 เมตร จะบรรทุกสิ่งของที่มีขนาดความสูงได้ไม่เกิน 3 เมตร โดยวัดจากพื้น แต่ถ้าเป็นรถที่มีขนาด ความกว้างเกิน 2.3 เมตร จะบรรทุกของที่มีขนาดความสูงได้ 3.8 เมตร ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 1,000 บาท
เครดิต www.mthai.com