มาคลายข้อสงสัย ขั้นตอนการล้างแอร์รถยนต์โดยไม่ถอดตู้กัน

หน้าร้อนอย่างนี้ ถ้าแอร์รถยนต์ทำงานไม่ได้เต็มที่ จนทำความเย็นไม่ได้เพียงพอที่จะสู้กระแสความร้อนด้านนอก ก็คงแย่เอาเรื่องเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงต้องดูแลแอร์ให้ดี เพื่อให้มันสามารถทำงานรับใช้เราได้อย่างดี และรูปแบบในการดูแลที่เป็นมาตรฐานปกติก็คือ การล้างแอร์อยู่เป็นประจำ ซึ่งขั้นตอนเมื่อก่อนนั้น กว่าจะล้างได้แต่ละครั้ง ต้องทำการถอดคอนโซลออกแทบจะทั้งหมด แล้วทำการถอดคอยล์เย็นออกมาทำความสะอาดด้านนอก แล้วทำการอัดน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ แต่ในปัจจุบันมีวิธีการที่เรียกว่า “ล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้” ให้เห็นกันอยู่ทั่วไป บางคนอาจจะสงสัยว่า ล้างแบบนี้เขาทำกันอย่างไร วันนี้เราลองมาดูวิธีการในการล้างแบบนี้กันดีกว่าครับ

เริ่มต้นก่อนจะรู้ขั้นตอนการล้าง ต้องอธิบายการทำงานเบื้องต้นของแอร์ในรถยนต์ก่อนว่า ภายในตัวรถนั้น จะมีแผงเหล็กที่เราเรียกว่า “คอยล์เย็น” ติดตั้งอยู่ภายในตัวรถ ส่วนใหญ่จะติดตั้งอยู่ตรงกลางตัวรถหลังแผงคอนโซล แผงนี้จะทำหน้าที่ในการรับน้ำยาแอร์ถูกอัดมาจากคอมเพรสเซอร์แอร์จากในฝากระโปรงรถ น้ำยาแอร์นี้จะมีความเย็นจัด เมื่อวิ่งผ่านคอยล์เย็นแล้ว จะมีพัดลม ที่เราเรียกกันว่า Blower ทำหน้าที่ดูดลมจากในตัวรถ แล้วเป่าผ่านตัวคอยล์เย็น (บางรุ่นใช้การดูดหลังคอยล์เย็น) ทำให้ลมที่ผ่านออกมามีความเย็น จนทำให้ภายในห้องโดยสารมีความเย็นได้ตามที่เราต้องการ

แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป อากาศที่ถูกเป่าผ่านเผงคอยล์เย็นนี้ ย่อมนำพามาซึ่งฝุ่น หรือเศษสกปรกต่าง ๆ มาติดอยู่ตรงหลังแผงนี้ สะสมนานวันเข้า ก็ทำให้แผงคอยล์เย็นที่มีรูเล็ก ๆ ที่เคยให้ลมผ่านได้สะดวก ถูกบดบังขวางทางไปด้วยเศษสกปรกที่สะสมอยู่ ทำให้ลมที่ออกมาสู่ห้องโดยสารนั้นมีกำลังน้อยลง ทำให้เรารู้สึกถึงความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อต้องเจอกับอากาศภายนอกที่ร้อนเหลือเกิน ดังนั้น วิธีการแก้ไขปัญหานี้ ก็คือการล้างแอร์เพื่อเอาสิ่งสกปรกพวกนี้ออกไปนั่นเอง

สำหรับวิธีการล้างแอร์โดยไม่ถอดตู้ เริ่มต้นจากการถอดลิ้นชักด้านข้างออก (รถตัวอย่างของผมวันนี้ เป็น Toyota Wish รุ่นแรก) เพื่อให้สามารถเข้าถึงตัวของคอยล์เย็นได้

แต่ก่อนจะเริ่มล้างตัวคอยล์เย็น เราลองแวะไปที่ตรงฟิลเตอร์กรองอากาศกันหน่อย เพราะจุดนี้ก็สำคัญในการทำความสะอาดเช่นกัน เพราะมันจะเป็นด่านแรกในการกรองอากาศให้สะอาด ก่อนที่จะเดินทางไปเจอกับคอยล์เย็น ฟิลเตอร์กรองอากาศตัวนี้ ปกติจะติดตั้งอยู่ในตำแหน่งแถวใกล้ ๆ กับ Blower เลย ซึ่งรุ่นรถยนต์ส่วนใหญ่ถูกติดตั้งให้สามารถถอดออกมาเปลี่ยนใส้กรองได้ แต่กับบางรุ่นอาจจะไม่มี ต้องดัดแปลงเพื่อใส่เข้าไปแทน อย่างเช่น Isuzu D-Max ปี 03-13, Toyota Vios ปี 02-06, Toyota Altis หน้าหมู ปี 01-07, Honda Jazz ปี 03-08, Mitsubishi Triton ปี 04-15, Chevrolet Colorado ปี 03-13 เป็นต้น ให้ลองดูว่า กรองอากาศจุดนี้ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ไหม ถ้าได้ ก็เป่าทำความสะอาดเสียหน่อย แต่ถ้าดูแล้วไม่น่าทำความสะอาดได้ ก็ให้เปลี่ยนใหม่เลยครับ ราคาไม่กี่ร้อยบาท (ของผมรอบนี้ 200 บาท)

หลังจากนั้น ช่างล้างแอร์ ก็จะจัดการสอดกล้องเข้าไปหลังแผงคอยน์เย็น ทำให้เราเห็นคราบสกปรกที่ติดอยู่ได้ผ่านทางโทรทัศน์ เมื่อสำรวจกันเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการสอดหัวฉีดขนาดเล็ก เข้าไปหลังแผงนั้น แล้วจัดการฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อทำความสะอาดคราบสกปรกต่าง ๆ ให้หลุดออกไปจากแผงนั้น ลองดูได้ตามคลิปด้านล่างนี้เลยครับ

หลังจากฉีดโดยน้ำเปล่าจนคราบสกปรกหลุดออกไปแล้ว จากนั้นช่างก็จะเปลี่ยนเอาอีกหัวฉีดออกมา แล้วเอาเข้าไปฉีดใหม่อีกรอบ โดยรอบนี้เป็นการใช้ฉีดด้วยแรงดันเบา เพราะที่ฉีดไปจะเป็นน้ำยาทำความสะอาด ที่จะกัดเซาะเอาคราบสกปรกให้หลุดออกมา ขั้นตอนนี้ต้องทำการฉีดให้ทั่ว แล้วทิ้งเอาไว้เพื่อให้น้ำยาทำงานเป็นเวลา 10 นาที จากนั้นก็จะฉีดน้ำสะอาดแรงดันสูงเพื่อทำความสะอาดไปอีกรอบ เท่นนี้ก็เป็นอันเสร็จ ประกอบชิ้นส่วนเข้าไปให้เหมือนเดิม เป็นอันว่าทุกขั้นตอนในการล้างแอร์โดยไม่ถอดตู้เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ครับ

การดูแลระบบแอร์รถยนต์เป็นเรื่องสำคัญมากครับ โดยทางช่างแนะนำให้เปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน และล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ต้องบอกว่า การล้างแอร์โดยไม่ต้องถอดตู้นั้น จะสะอาดสู้แบบถอดตู้ไม่ได้อย่างแน่นอน แต่มันสามารถประหยัดได้ทั้งเวลา เพราะใช้เวลาในการทำไม่เกิน 1 ชั่วโมง, ถอดชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้น ต่างจากการถอดตู้ล้าง ที่ต้องถอดออกมาทั้งคอนโซล, ประหยัดเงิน เพราะค่าใช้จ่ายไม่เกิน 1,000 บาท แต่แบบถอดตู้ล้างนั้นมากกว่านี้เยอะ เพราะนอกจากขั้นตอนมากและยุ่งยากกว่า ต้องมีการอัดน้ำยาแอร์กลับเข้าไปใหม่ด้วย ดังนั้นก็ลองพิจารณาดูถึงความเหมาะสมสำหรับเราและรถของเราด้วยครับ

*ขั้นตอนของรุ่นอื่นอาจจะแตกต่างไปจากนี้

เครดิต www.autodeft.com