4 อ็อพชั่นในรถที่เหมาะสำหรับเปิดใช้ในวันฝนตก

ใครจะคิดว่าช่วงหน้าหนาวแบบนี้ จะมีฝนโปรยปรายลงมาให้รถติดหนึบหนับกันแต่เช้า จนไปทำงานสายกันเป็นแถว ส่วนใครที่ขับรถไปทำงานช่วงฝนตกแบบนี้ เราขอแนะนำ 4 อ็อพชั่นที่เหมาะสำหรับเปิดใช้ในช่วงฝนตก ช่วยเพิ่มความสุนทรีย์และขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นด้วย

1. ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง

     การขับขี่ขณะฝนตกควรเปิดไฟหน้ารถเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย และยังช่วยให้รถคันอื่นสามารถมองเห็นรถของเราได้ดียิ่งขึ้น แต่หากฝนตกหนักรุนแรงจริงๆ ควรเปิดไฟตัดหมอกควบคู่กันไปด้วยแม้ขับขี่ในเวลากลางวัน เนื่องจากลำแสงของไฟตัดหมอกจะพุ่งตรงไปข้างหน้าหรือหลังได้ดียิ่งกว่า ช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นคุณได้จากระยะไกลมากขึ้น

     และอย่าลืมว่าเมื่อฝนเบาลง ควรรีบปิดไฟตัดหมอกทั้งหน้าและหลังทันที เพื่อป้องกันไม่ให้แยงตาผู้ร่วมทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน

2. ไล่ฝ้าหน้า-หลัง

     หากฝนเทลงมาในวันที่มีสภาพอากาศเย็น มักจะก่อให้เกิดฝ้าบนกระจกหน้าและหลัง ซึ่งการไล่ฝ้าด้วยการใช้ที่ปัดน้ำฝน จะทำให้ฝ้าหายไปอย่างรวดเร็วก็จริง แต่ฝ้าก็จะกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน วิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดก็คือการเปิดระบบไล่ฝ้าบริเวณที่มีหมอกขึ้น หากเป็นระบบไล่ฝ้ากระจกหน้า จะเป็นการดึงอากาศจากภายในรถมาเป่าไปบนกระจกหน้าเพื่อให้อุณหภูมิภายนอก-ภายในเท่ากัน ฝ้าก็จะหายไปในที่สุด โดยขณะที่ระบบไล่ฝ้าด้านหน้ากำลังทำงานอยู่นั้น จะมีเสียงลมดังขึ้นบริเวณคอนโซลหน้า ซึ่งเป็นการทำงานปกติของระบบ ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด

     ส่วนการทำงานของไล่ฝ้าหลังจะแตกต่างจากระบบไล่ฝ้าด้านหน้า เพราะใช้กระแสไฟวิ่งผ่านลวดทองแดงที่ฝังอยู่ในกระจกหลัง จะทำให้ฝ้าหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่หากเป็นรถรุ่นเก่าที่ไม่มีระบบตัดไล่ฝ้าอัตโนมัติแล้วล่ะก็ ควรรีบปิดทันทีเมื่อฝ้าหาย เพื่อป้องกันไม่ให้กระจกแตกเนื่องจากเปิดทิ้งไว้นานเกินไป

3. ฮีทเตอร์ปรับอากาศ

     อย่าคิดว่าระบบฮีทเตอร์ในบ้านเราเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะเวลาที่อากาศหนาวเย็นขึ้นมา ฮีทเตอร์เนี่ยแหละจะช่วยสร้างความอบอุ่นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกช่วงเช้าหรือกลางคืน เวลาที่เจออากาศเย็นยะเยือกมานานๆ แล้วได้ลมอุ่นจากฮีทเตอร์เนี่ย ขอบอกเลยว่าฟินสุดๆ

4. ระบบหน่วงเวลาที่ปัดน้ำฝน

     รถส่วนใหญ่ถูกติดตั้งระบบที่ปัดน้ำฝนพร้อมระบบหน่วงเวลาปัดมาให้ ซึ่งเราสามารถปรับตั้งความถี่ในการปัดแต่ละครั้งได้เอง โดยหมุนปุ่มบริเวณก้านปัดน้ำฝน เหมาะอย่างยิ่งในเวลาที่ฝนตกเบาๆ ใบปัดน้ำฝนจะได้ไม่ปัดไปมาเกินความจำเป็นจนกลายเป็นความน่ารำคาญ

     แต่สำหรับรถที่มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ปุ่มดังกล่าวจะกลายเป็นการปรับความไว (Sensitivity) ของการปัดแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ใบปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างตรงใจมากขึ้น

     เห็นไหมครับว่ายังมีอ็อพชั่นอีกหลายอย่างที่เรามักมองข้ามอยู่เสมอ แต่หากรู้จักใช้งานอยู่เหมาะสมและถูกวิธี ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี

เครดิต www.sanook.com