สปอร์ตพลังงานไฟฟ้า!!! ปอร์เช่ ไทคานน์

ปอร์เช่ เปิดตัวยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบต่อสาธารณชนอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งแรก พร้อมกัน 3 ทวีปทั่วโลก “ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) เปรียบได้กับสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างเกียรติ ประวัติอันยาวนานไปสู่โลกอนาคต ยนตกรรมคันนี้คือยานพาหนะที่จะนำพา เรื่องราวแห่งความสำเร็จในวันข้างหน้ามาสู่ แบรนด์ ปอร์เช่ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตที่สร้างความตื่นเต้น และเร้าอารมณ์บรรดาบุคคลผู้หลงใหลความเร็วทั่ว ทุกมุมโลกมาเป็นระยะเวลากว่า 70 ปี” ข้างต้นคือคำกล่าวจาก Oliver Blume ประธานคณะกรรมการบริหารของ Porsche AG ระหว่างงานเปิดตัวในกรุง Berlin: “วันนี้คือสัญญาณ แห่งการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของเรา”

โมเดลแรกสำหรับการเปิดตัวปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ในฐานะยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด คือ ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Porsche Taycan Turbo S) และ ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ (Porsche Taycan Turbo) ผลผลิตจากนวัตกรรม พลังขับเคลื่อนสุดล้ำ ซึ่งได้รับการ ถ่ายทอดจากรถยนตืที่ใช้พลังงานไฟฟ้าของปอร์เช่ หรือ Porsche E-Performance นี่คือรถสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสายการผลิตปกติของปอร์เช่ ในส่วนของรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นย่อยอื่นๆ กำลังจะทยอยเปิดตัวตาม มาในอีกไม่ช้า อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่จะถูกเพิ่มเติมทางเลือกให้แก่ผู้รักรถสปอร์ต

คือ ปอร์เช่ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม่ (Porsche Taycan Cross Turismo) ซึ่งจะเผยโฉมในช่วงปลายปีหน้า ทั้งนี้ก่อนปี 2022 ปอร์เช่จะทุ่มงบลงทุนในส่วนของการพัฒนาคิดยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า เป็นเม็ดเงินจำนวนมากกว่า 6,000 ล้านยูโร

สมรรถนะชั้นเลิศที่มาพร้อมประสิทธิภาพเหนือระดับ

ในรุ่นเรือธงปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Porsche Taycan Turbo S) พกพาพละกำลังสูงสุดกว่า 761 แรงม้า (560 กิโลวัตต์) เพิ่มพลังด้วยฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control ตามด้วยปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ (Porsche Taycan Turbo) พละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า (500 กิโลวัตต์) สำหรับไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) ให้อัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที ในขณะที่ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) ทำได้ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที พิสัยการเดินทางสูงสุดในรุ่น เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) ทำได้สูงสุดที่ระยะทาง 412 กิโลเมตร และในรุ่น เทอร์โบ (Taycan Turbo) เดินทางได้สูงสุดด้วย ระยะทางกว่า 450 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) รถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel-drive ทั้ง 2 รุ่นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คือรถสปอร์ตจากสายการผลิตปกติรุ่นแรก ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ แทนที่ระบบทั่วไปซึ่งมีแรงขับเคลื่อนเพียง 400 โวลต์ ในรถไฟฟ้าคันอื่น และนี่คือข้อได้เปรียบหลักอันดับแรก ที่ผู้ขับขี่ ไทคานน์ (Taycan) จะได้รับเมื่อนำพารถคันนี้โลดแล่นไปบนท้องถนน ภายในระยะเวลาเพียง 5 นาที ระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ high-power charging network จะทำหน้าที่สะสมพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้า กระแสตรง direct current (DC) จนสามารถเดินทางได้เป็นระยะสูงสุดกว่า 100 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) ใช้ระยะเวลาเพียง 22.5 นาที ในการชาร์จพลังงานตั้งแต่ความจุแบตเตอรี่ 5 – 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (state of charge) ภายใต้สภาพแวดล้อมปกติ และมี กำลังไฟฟ้าสูงสุด (peak) ที่ 270 กิโลวัตต์ ประสิทธิภาพความจุโดยรวมของแบตเตอรี่อยู่ที่ 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง นอกจากนี้ผู้ขับขี่ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) สามารถชาร์จพลังงานได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านไฟฟ้ากระแสสลับ alternating current (AC) ขนาด 11 กิโลวัตต์ ที่ใช้อยู่ในที่พักอาศัยทั่วไป

ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Porsche Taycan Turbo S) และ ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ (Porsche Taycan Turbo) พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ ราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับอุปกรณ์มาตรฐาน และภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละประเทศ สอบถามข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ โชว์รูมปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา

งานออกแบบภายนอกสะท้อนภาพ DNA ปอร์เช่<h/3>

ด้วยงานออกแบบที่เรียบหรู ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) สื่อสารแก่ผู้พบเห็นอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นยุคใหม่ของปอร์เช่ ในขณะเดียวกัน รถสปอร์ตคันนี้ยังคงรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์ใน งานออกแบบตาม DNA ของปอร์เช่อย่างสมบูรณ์แบบ เริ่มต้นตั้งแต่มุมมองด้านหน้าที่กว้าง และแบนราบ ขนาบด้วยโป่ง ซุ้มล้อที่โค้งมนสง่างาม ยกระดับรูปทรงโดยรวมให้ปราดเปรียว เฉียบคม ด้วยแนวหลังคาสไตล์ สปอร์ตที่เทลาดลงอย่างต่อ เนื่องกลมกลืนจรดด้านท้าย แนวตัวถังด้านข้างที่เปี่ยมไปด้วยบุคลิกเฉพาะตัว มุมมองจากห้องโดยสารที่ปลอดโปร่ง แนวโค้งของเสา C-pillar ที่วางตัวผสานกับซุ้มล้อหลัง เป็นหนึ่งเดียวกับสปอยเลอร์ ท้ายรถที่ตอกย้ำถึงความกร้าว แกร่งทรงพลัง อันเป็นสมรรถนะติด

ตัวรถยนต์ปอร์เช่ทุกคัน เสริมความโดดเด่นด้วย นวัตกรรมล้ำสมัยรายรอบคัน อาทิ ตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ ฉายสะท้อนบนกระจก หรือ glass-effect Porsche logo ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่รวมอยู่กับ light bar บริเวณท้ายรถ และด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd ที่ต่ำเพียง 0.22 รวมทั้งระบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม จากการออกแบบรูปทรงตัวถังที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ประหยัดและพิสัยระยะเดิน ทางที่ทำได้ไกลมากขึ้น

งานตกแต่งภายในห้องโดยสารเปี่ยมเอกลักษณ์ พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่

ภายในห้องโดยสารแสดงออกถึงบรรยากาศของการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่ของยนตรกรรมล้ำอนาคต ปลอดโปร่ง ด้วยโครงสร้างและสถาปัตยกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์รายรอบ แผงหน้าปัทม์ทรงโค้งมน ในตำแหน่งบนสุดของแผงคอนโซลหน้า ให้มุมมองที่ชัดเจนที่สุดจากสายตาของผู้ขับขี่ คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอ infotainment ขนาดใหญ่ถึง 10.9-นิ้ว พร้อมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็น อุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติม วางตัวต่อเนื่องกันด้วยแผ่นกระจกที่ให้สัมผัสสไตล์ black-panel สร้างบรรยากาศที่ กลมกลืนลงตัวกับงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งาน ทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่ สำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) โดยเฉพาะ ระบบควบคุมการทำงานแบบกลไกดั้งเดิม อาทิ สวิทช์ และปุ่มกดต่างๆ ได้รับการลดจำนวนลงอย่างมาก โดยถูกแทนที่ด้วยระบบควบคุมอัจฉริยะผ่านการสัมผัส หรือการสั่งงานด้วยเสียง voice control function ซึ่งพร้อมตอบสนองต่อคำสั่งเริ่มต้น “Hey Porsche”

สำหรับ ไทคานน์ (Taycan) ปอร์เช่นำเสนอมิติใหม่ของงานตกแต่งภายในที่ปราศจากการใช้วัสดุหนังเป็นครั้งแรก ชิ้นงานภายในประกอบด้วยนวัตกรรมวัสดุรีไซเคิล ซึ่งล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์แนวคิดในการพัฒนารถสปอร์ต พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนยาวนานในชื่อว่า “Foot garages” – ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ในบริเวณที่พักเท้าของ ห้องโดยสารตอนหลัง – เพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารจะสามารถนั่งประจำที่ได้ด้วยความสะดวกสบาย และเบาะนั่งจะวางตัวในระดับต่ำตามลักษณะเฉพาะตัวของรถสปอร์ตพันธ์แท้ พื้นที่บรรทุกสัมภาระมีให้ใช้งาน ได้ถึง 2 จุด: โดยด้านหน้ามีความจุที่ 81 ลิตร และในด้านท้ายรถมีความจุถึง 366 ลิตร

นวัตกรรมมอเตอร์ขับเคลื่อน และระบบส่งกำลังประสิทธิภาพสูง

ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Porsche Taycan Turbo S) และ ไทคานน์ เทอร์โบ (Porsche Taycan Turbo) ถือกำเนิดขึ้นในฐานะกลจักร ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพชั้นเลิศถึง 2 ส่วน หนึ่งคือชุดขับเคลื่อนล้อหน้า และสองคือชุดขับเคลื่อนล้อหลัง หมายความว่ารถสปอร์ตคันนี้ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ส่งผลต่อความเหนือระดับทั้งในแง่ของพิสัยการเดินทางสูงสุด และพละกำลังที่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เกิดขึ้นผ่าน การทำงานที่สอดประสานกันอย่างลงตัวระหว่างชุดขับเคลื่อนทั้ง 2 ชิ้นส่วนของ electric machine ระบบส่งกำลัง และชุดควบคุม pulse-controlled inverter ถูกผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ขนาดที่กะทัดรัด แต่กลับเปี่ยมล้นไปด้วย พละกำลังที่อัดอยู่ในทุกอณูด้วยความหนาแน่นสูงสุด (กิโลวัตต์ต่อลิตรของพื้นที่อุปกรณ์) เมื่อเปรียบเทียบกับระบบขับ เคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ในยุคปัจจุบัน อีกหนึ่งอุปกรณ์พิเศษที่อยู่ในมอเตอร์ไฟฟ้า คือ “hairpin” อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของ stator coils เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้สามารถเพิ่มจำนวนขดลวด ทองแดงที่บรรจุอยู่ใน stator ได้มากขึ้น เพิ่มกำลังและแรงบิด ขณะที่มีชิ้นส่วนเท่าเดิม นวัตกรรมระบบส่งกำลังแบบ two-speed transmission คิดค้นขึ้นโดยปอร์เช่ ได้รับการติดตั้งในชุดขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์แรกรับหน้าที่สร้างอัตราเร่ง จากจุดหยุดนิ่งที่ดีเยี่ยมให้แก่ ไทคานน์ (Taycan) ในส่วน

ของเกียร์ที่ 2 มีอัตราทดที่ยาวกว่าเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและรักษาพละ กำลังสูงสุดให้ถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในการขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ตาม

เครือข่ายระบบควบคุมช่วงล่างแบบรวมศูนย์ Centrally networked chassis systems

ระบบ Porsche 4D-Chassis Control ทำหน้าที่วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลที่ได้จาก ระบบควบคุมช่วงล่าง ทั้งหมดในแบบ real time นวัตกรรมดังกล่าวประกอบด้วย ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension พร้อมเทคโนโลยี three-chamber รวมทั้งระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management) ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบเหล็กกันโคลงอัจฉริยะ และระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ควบคุมด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ทั้งสองตัว พร้อมระบบสะสมพลังงานย้อนกลับ หรือ recuperation ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร ให้กำลังสูงสุดกว่า 265 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าคู่แข่งทุกราย ผลจากการวิ่งทดสอบ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของแรงเบรกที่ใช้ในการขับ ขี่ปกติเกิดขึ้นจากกลจักรไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยแทบจะปราศจากการทำงานของระบบเบรกไฮดรอลิกที่ล้อรถ

โหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน สามารถเลือกได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยมีพื้นฐานในการออกแบบพัฒนา ที่ยึดหลักการเดียวกันกับยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ทุกคัน เพิ่มเติมด้วยการปรับตั้งลักษณะการตอบสนองให้เหมาะสม กับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ประกอบด้วยโหมดการขับขี่ถึง 4 รูปแบบ: “Range”, “Normal”, “Sport” และ “Sport Plus” ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเลือกใช้งานโหมด “Individual” ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ได้เอง

อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซ์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล ที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้

ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S): อัตราการใช้กำลังไฟฟ้าเฉลี่ย 26.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo ): อัตราการใช้กำลังไฟฟ้าเฉลี่ย 26.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร

เครดิต www.autospinn.com