รวมล้อแม็กรถยนต์ลายสุดปังในอดีตยุค 90’s

การเปลี่ยนล้อแม็กนั้นนอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว ยังได้เรื่องของขนาดวงล้อที่โตขึ้นและหน้ายางกว้างขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ดีขึ้น แต่ต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมไม่มีความใหญ่แตกต่างจากเดิมมากเกินไปด้วย ที่สำคัญต้องเป็น “ล้อแท้” หรือล้อที่มีโรงงานผลิตทันสมัยและเทคโนโลยีเป็นที่ยอมรับทั่วโลก

ควรหลีกเลี่ยงใช้ “ล้อก็อปปี้” ล้อปลอมลอกเลียนแบบเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเสียเงินเปล่าแล้ว ยังไม่มีความปลอดภัยที่ดีพอ และถึงอย่างไรก็มองกันออกว่า “ของปลอมครับ!” กัดฟันใช้ของดี ๆ เพื่อชีวิตและทรัพย์สินของเราดีกว่า

ล้อแม็กหรือล้ออัลลอยผลิตจากการนำเอาวัสดุ “แมกนิเซียม” เป็นแท่ง ๆ ไปหลอมในเตาร้อน ๆ แล้วเทลงในแม่พิมพ์ ซึ่งขบวนการผลิตมีขั้นตอนต่าง ๆ มากมายตามสูตรของแต่ละบริษัท เช่น CASTED WHEEL (การหล่อขึ้นรูป) หรือ FORGED WHEEL (การอัดขึ้นรูป) และเทคโนโลยี Flow Forming

การหล่อขึ้นรูปอาจมีการผสมอลูมิเนียมเข้าไป หรือที่นิยมมากคือการฉีดขึ้นรูปแบบ Low Pressure หรือฉีดเนื้ออลูมิเนียมจากด้านล่างขึ้นสู่ข้างบน ทำให้น้ำหนักเบา เหนียวทนทาน ขึ้นกับรุ่นและแบบของล้อแม็ก สำหรับล้อแม็กในยุคอดีต 90’s นับเป็นช่วงที่ผู้ใช้รถยนต์นิยมเปลี่ยนใส่แทนของเดิมติดรถกันและล้อแม็กแต่ละยี่ห้อก็มีความสวยงามและรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป มาดูว่าล้อแม็กยุค 80-90 นั้นมีหน้าตาอย่างไรบ้าง

ล้อแม็กลายยอดนิยมที่มีในประเทศไทยสมัยราว ๆ ปี 2533 -2548 มีมากมายหลากหลายรุ่น นี่คือ ส่วนหนึ่งของล้อแม็กลายโดน ๆ ยอดฮิตในยุค 90’s มาให้ชมกันครับ

RS WATANABE R-TYPE เจ้าแห่งล้อเทพสำหรับรถเรโทรตัวจริง ไม่ว่ารถรุ่นเก่าแค่ไหนถ้าใส่ล้อนี้เข้าไปจะหล่อทันที โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นจำพวกขับเคลื่อนล้อหลังอย่าง Toyota AE86 รุ่นเก๋า แต่ว่าล้อนี้ต้องแลกมาด้วยค่าตัวสูงมากเลยทีเดียว โดยล้อใหม่ ๆ ขอบ 14 ราคาตกวงละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท โดยประมาณ

VEILSIDE ANDREW RACING V ล้อที่มักใส่มากับรถสปอร์ตอย่างเช่น Toyota Supra, Nissan Skyline, Toyota MR2, Nissan 200SX หรือใน Honda Prelude ใส่แล้ววิบวับ เงาวิ้ง ๆ เสริมความหล่อให้กับรถได้อีกเยอะ ราคาราว ๆ เฉียดหนึ่งแสนบาทต่อชุด

WORK EMOTION CR ULTIMATE KIWAMI ล้อค่ายนี้เริ่มเป็นที่นิยมตามมาติด ๆ ส่วนมากจะเห็นในรถเก๋งขนาดกลางและเล็กเช่น Mitsubishi Lancer (Ecar), Honda Civic EG หรือ Toyota Corolla เป็นต้น ราคาไม่ถึงกับโหดนักแต่ก็แรงเอาเรื่องอยู่

YOKOHAMA ADVAN RACING RS ใครว่าโยโกฮามาทำแต่ยางรถยนต์!..ล้อแม็กก็ผลิตมานานแล้วอีกด้วย ล้อลายนี้ก็นับว่านิยมมากและราคาสูงเช่นกัน ส่วนใหญ่จะมีวงล้อ 18 นิ้วขึ้นไปและขนาดหน้ากว้างมากถึง 8 – 10 นิ้วเลยทีเดียว

BUDDYCLUB P1 RACING ล้อลายนี้ในสมัยก่อนมักเห็นใส่ใน Honda Civic EG จนเรียกว่าเป็นล้อประจำตระกูลเลยก็ว่าได้ ซึ่งด้วยสี และขนาดล้อที่มีให้รถเล็กได้ใช่สอยกันเยอะมาก พร้อมกับราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก จึงนิยมมากในเหล่านักซิ่งยุค 90’s

MUGEN MR5 ล้อจากสำนักแต่งคู่ใจของชาว Honda ที่ “ของมันต้องมี” แม้ว่าราคาจะสูงแต่ก็ได้รับความนิยมมาก และนอกจากนี้ยังมีอีกหลายลายให้เลือก แต่ลายนี้เป็นรุ่นที่บ่งบอกว่า “I Love Honda” ได้ชัดเจนที่สุดรุ่นหนึ่ง

ENKAI PRO1 ลายอมตะตลอดกาลที่มีคนนิยมใส่จนถึงปัจจุบัน และยังน่าใช้อยู่ ด้วยราคาที่ไม่แรงและใส่กับรถอะไรก็ดูลงตัว แต่ตอนนี้ราคาเริ่มสุงขึ้นแล้วโดยขอบ 17 นิ้วแท้ ๆ อยู่ที่ 2x,xxx บาทต่อชุด

ENKAI NT03 ก็ไม่น้อยหน้ามาแรงพอ ๆ กันทั้งความสวยและราคา แต่ส่วนมากมักจะเจอรุ่นที่ผลิตในประเทศมากกว่า ลายจะคล้าย ๆ กันแต่ยังมีความแตกต่างในรายละเอียด สามารถแยกได้ว่าล้อญี่ปุ่นหรือล้อไทย และเรียกกันติดปากว่า “ลายแมงมุม”

LENSO Maglite ล้อจากค่ายเลนโซ่ที่มีลายแปลกแบบ 4 ก้าน ตอนออกมาแรก ๆ ดูไม่ค่อยสวย แต่เมื่อใส่กับรถขนาดเล็ก ๆ กลับเข้ากันดี ทำให้กลายเป็นลายที่นิยมไม่แพ้ลายอื่น ๆ

Volk Rays C Ultra ในยุคนั้นล้อแบบ 3 ก้านเข้ามามีผลต่อการแต่งรถมากขึ้น บริษัทผลิตล้อของญี่ปุ่นจึงออกรุ่น 3 ก้านนี้มาสนองความต้อง โดยมีการปรับดีไซน์ให้ดุดันมากขึ้น และถูกคนไทยเรียกกันว่า “ลายกางเกงใน” และล้อของค่ายนี้ยังส่งตัวเด็ด ๆ มาให้สาวกขาซิ่งอีกหลายตัวอย่างเช่น Volk Rays TE37 หรือ RAYS Volk Racing CE28N ที่ระยะหลังมีล้อก๊อปเพียบ!!!

Volk Rays TE37

RAYS Volk Racing CE28N

OZ Racing Rally หรือที่หลายคนเรียกว่า “ลายกะทะ” (ช่างคิดจริง) แต่กลายเป็นลายที่ผู้ชื่นชอบแนวรถแข่งทางฝุ่นหรือแรลลี่ชอบมากที่สุด เพราะในรถแข่งจริงก็ใช้งานจริง ทั้งทนทาน และสมบุกสมบันตามชื่อ Rally จริง ๆ

DTM RW01-SILVER ลายนี้ก็ยิ่งเหมือนกะทะมากขึ้นไปอีก แต่ก็เป็นที่นิยมกัน ด้วยความเรียบง่ายจึงเข้ากับรถในหลายบอดี้ ทั้งเล็ก-ใหญ่ แถมยังดูทึกทนอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีฝาแฝดคือ Impul Sihouette ที่หน้าตาคล้ายกันมาก จนแถบแยกไม่ออกเมื่อมองระยะไกล ๆ

Racing Spaco NS2 ล้อลายนี้ดังมาก ๆ จากสีที่ฉูดฉาดและลายดุดัน แถมน้ำที่เบา ทำให้ในยุคนั้นได้รับความนิยมมาก โดยนิยมใส่ตั้งแต่รถบ้าน ๆ ไปจนถึงเลห่าตัวแรงอย่าง Supra เลยทีเดียว

Super Advan Racing Version 2 ช่วงหลังล้อลายนี้เริ่มเข้ามาจำหน่าย ด้วยลายที่ดุดันและโดดเด่นมากขึ้นกว่าล้อ 3 ก้านอื่น ๆ เหล่าบรรดาตัวแรงจึงนิยมเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้กันเยอะขึ้น จนระยะต่อมาเริ่มได้มีล้อเลียนแบบมากขึ้นและจึงลดความนิยมลงไป

Brabus block 2 มาทางฝั่งยุโรปกับล้อจากบริษัทตกแต่งสมรรถนะคู่กายรถ Mercedes-Benz ด้วยลาย 3 ก้านทรงหนาบึกบึนเข้ากับตัวรถได้เป็นอย่างดี และน่าจะนิยมใส่ในเมอเซเดส-เบนซ์เท่านั้น

AMG style 2 ล้อยอดฮิตของเมอร์เซเดส-เบนซ์อีกค่ายหนึ่งที่เป็นล้อติดรถสมรรถนะสูงจากตรู AMG หรือใครที่มี เมอเซเดส-เบนซ์รุ่นอื่นในครอบครองก็ต้องรีบหามาใส่ไว้ก่อนราคาตอนนี้ของใหม่ไม่แน่ชัดแต่มือสองราว ๆ 2 – 3 หมื่นบาทขึ้นไปต่อชุด

Lolinser RSK5 ลายที่ก็คู่บุญรถเมอร์เซเดส-เบนซ์เช่นกัน โดยเด่นกว่าด้วยความหรูหราและคลาสสิก ใส่แล้วอาจดูไม่ซิ่ง แต่เน้นหรู สไตล์รถใหญ่ และเพิ่มความเงางามของตัวรถได้มากขึ้นไปอีกขั้น

Alpina Classic ฝั่ง BMW ก็ไม่น้อยหน้ามีล้อแม็กประจำตระกูลกับเค้าด้วยและยังเป็นสำนักแต่งสมรรถนะโดยตรงให้อีกด้วย โดยล้อยี่ห้อนี้มีราคาสูงมาก ใครได้ใส่นับว่า “เงินเหลือ” ปัจจุบันมีราคาประมาณห้าหมื่นถึงหนึ่งแสนบาทต่อชุด

Antera 109 3 Spoke ล้อแม็กยุโรปก็มีลาย “แปลก” กับเค้าด้วยโดยเป็นแบบ 3 ก้านมน ๆ แม้ไม่ฮิตเท่าลายอื่น ๆ ของ BMW แต่ก็เป็นที่จดจำและสะดุดได้ดี

BBS RS อภิมหาอมตะนิรันกาลของแท้ต้อง “ล้อรังผึ้ง” ที่เดิมทีก็เป็นลายที่เหล่า BMW ชอบใส่ แต่พอนาน ๆ ไป ความสวยของลายที่คลาสสิกนี้สามารถใส่กับรถอะไรสวยหมด จึงกลายเป็นลายพื้นฐานที่หากคิดไม่ออกจะใส่ล้ออะไรก็นึกถึง “BBS” เข้าไว้

Racing Dynamic RGR ล้ออีกลายที่โตมาพร้อมกับค่าย BMW และนิยมใส่กันมากในสมัยนั้น ด้วยชื่อชั้นและความเรียบหรูทำให้ดูมีความพรีเมี่ยใขึ้นมาอีก และในขณะเดียวกันก็ออกแนวแรซซิ่งได้ด้วย

AC SCHNITZER TYPE 2 REP ปิดท้ายด้วยล้อแบรนด์เด็ดที่อมตะของค่ายรถ BMW ไม่ว่าผ่านมากี่ร้อนกี่หนาว เจ้าของรถยนต์ BMW ก็มักจะเลือกล้อนี้มาใส่เป็นอันอันต้น ๆ ไม่ว่าจะรถรุ่นเก่าหรือใหม่ใส่แล้วสวยหมด ยิ่งเป็นรถปีเก่า ๆ อย่างเช่น รถคูเป้ 2 ประตู 633 CSI หรือจะ ซีรีส์ 5 อย่าง E28,E30 ก็คลาสสิกเข้ากันได้อย่างลงตัว

และนี่คือส่วนหนึ่งของล้อแม็กรถยนต์ในช่วงยุค 80 – 90 ที่ยังพอจำได้ และอาจมีอีกหลายรุ่นหลายลายที่ไม่สามารถนำมาให้ชมกันได้เพราะมีเยอะเหลือเกิน และบางรุ่นยังมีจำหน่ายและบางรุ่นเหลือแต่ของ “มือสอง” ทั้งมาจากญี่ปุ่นหรือจากการส่งต่อในไทยเอง ซึ่งล้อแม็กเหล่านี้บางลายอาจสวยมาก บางลายอาจดูตลกและแปลก แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ ความมีมนต์ขลัง ความคลาสสิกและความทรงจำดี ๆ ที่ได้เห็น นอกจากนี้บางรุ่นบางลายเริ่มหายากและเป็นที่ต้องการ เพราะไม่มีผลิตแล้วหรือจำนวนจำกัด ทำให้ราคาทะลุแตะเกือบแสนบาทก็มี