ใครเคยผ่านประสบการณ์รถเสียบนทางด่วนบ้าง ผมคนหนึ่งครับที่เคยรถยางแบนบนทางด่วน และเคยใช้บริการช่วยเหลือเหตุฉุกเฉินบนทางพิเศษมาแล้ว แต่มันก็มีบางกรณีนะครับที่รถช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ทางด่วน ไม่สามารถช่วยเหลือได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อ 2 วันก่อน รถของคนสนิทของผมเกิดเกเร ความร้อนขึ้นขณะขับอยู่บนทางด่วน หลังขับขึ้นจากด่านสีลมมาได้ไม่นาน เกจ์วัดความร้อนพุ่งขึ้นไปที่ 120 องศาเซลเซียล ซึ่งร้อนเกินปกติ พร้อมมีข้อความเตือนโชว์ขึ้นบอกให้หยุดรถทันที!
สิ่งแรกที่ทำในตอนนั้นคือโทร.หาศูนย์บริการผู้ใช้ทางพิเศษ หมายเลข 1543 เพื่อลากรถลงจากทางด่วนและไปส่งศูนย์บริการ ทว่าเมื่อรถเจ้าหน้าที่มาถึงจุดที่รถจอดเสีย กลายเป็นว่าไม่สามารถลากได้ เพราะเป็นรถที่ระบบเกียร์เป็นไฟฟ้า เข้าเกียร์ว่างไม่ได้ ทำให้ยกล้อหน้าลากไม่ได้นั่นเอง
แม้จะลากไม่ได้ แต่ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือทุกท่าน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาอำนวยความสะดวกและวินิจฉัยอาการเบื้องต้นให้ ว่าหม้อน้ำไม่ได้รั่ว พัดลมไม่ได้เสีย แต่อาจจะเป็นที่วาล์ว หรือปั๊มน้ำที่เปิดปิดน้ำเข้าสู่หม้อน้ำไม่ทำงาน
ลืมบอกไป รถคันนี้เป็นรถยุโรปค่ายหนึ่ง ที่เพิ่งจะหมดประกัน 3 ปี ไปได้ไม่นาน เช่นเดียวกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินของรถยี่ห้อนั้นก็หมดตามไปด้วย ทางเลือกต่อมาผมจึงลองโทร.เข้าศูนย์ช่วยเหลือของค่ายรถยุโรปนั้น เพื่อขอรถสไลด์ (ยกแล้วสไลด์ขึ้นทั้งคัน ไม่ต้องลาก)
ปรากฏว่ากรณีรถเสียบนทางด่วน รถยกเอกชนทุกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขึ้นไปบนทางด่วนได้ครับ ต้องเป็นความรับผิดชอบของศูนย์บริการผู้ใช้ทางพิเศษ ซึ่งทางออกในเคสนี้ ยังดีที่รถสามารถสตาร์ทติดได้ และขับได้ราว ๆ 3-5 นาที ก่อนที่เกจ์ความร้อนจะขึ้นไปสุดอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ทางด่วนจึงใช้วิธีขับปิดท้ายขบวนให้ และให้เราขับรถของเราและจอดเป็นระยะ ๆ เพื่อไปส่งทางลงด่านทางด่วน ถ.พระราม 6 ซึ่งระหว่างที่ขับ ๆ จอด ๆ อยู่นั้น ผมก็เลยโทร.กลับไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของค่ายรถ เพื่อที่จะเรียกให้รถสไลด์มายกรถจากจุดลงทางด่วนไปเข้าศูนย์ที่ใกล้ที่สุด
ปรากฏว่าคอลเซนเตอร์ของค่ายรถนั้นแจ้งราคาค่ารถสไลด์เริ่มต้นที่ 2,500 บาท ในรัศมี 10 กิโลเมตร เมื่อได้ยินราคาเช่นนั้นผมเลยลองเสิร์ชหา “รถยก ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง” ในอินเทอร์เน็ตทันที ก่อนที่สุดท้ายจะดีลรถสไลด์มาได้ในราคา 1,500 ถ้วน ในรัศมี 10 กิโลเมตร เช่นเดียวกัน
ผมเข้าใจว่าค่ายรถส่วนใหญ่ที่มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน เมื่อเกิดเหตุก็จะใช้บริการรถยกเอกชนมารับช่วงต่อนั่นเอง น้อยบริษัทที่จะมีรถยกเป็นของตัวเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาปกติ (ในกรณีที่รถไม่ได้อยู่ในประกันแล้ว) ถูกบวกเพิ่มเข้าไปอีก 1,000 บาท เลยทีเดียวครับ
ในที่สุดรถที่ความร้อนขึ้น ต้องจอดบนทางด่วนตั้งแต่เวลา 16.00 น. ก็ถูกยกเข้าศูนย์บริการเรียบร้อยในเวลา 20.00 น.ของวันเดียวกัน ก่อนที่ในวันรุ่งขึ้นช่างจะหาสาเหตุได้ว่าเกิดจากปั๊มน้ำมีปัญหา (ตามที่เจ้าหน้าที่ทางด่วนคาด) และดำเนินการเปลี่ยนอะไหล่เป็นที่เรียบร้อย
ฉะนั้น หากใครที่รถเสียบนทางด่วน สิ่งแรกเลยคือจอดรถชิดขอบทางซ้ายให้เรียบร้อย จากนั้นโทร.1543 เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือทางด่วนจะมาดูแลพร้อมคำแนะนำ และหากรถใครที่หมดประกันแล้วและต้องยกรถ รถยกฉุกเฉินเอกชนมีเพียบครับ ซึ่งราคาไม่ควรเกิน 1,500 บาท
สุดท้ายจุดหมายที่จะให้รถยกไปส่ง หากใครมีอู่นอกที่พอจะรู้จักเชื่อใจได้ (ย้ำว่าเชื่อใจได้!) แนะนำให้ยกไปซ่อมที่นั่นดีกว่ายกเข้าศูนย์บริการครับ เพราะจากประสบการณ์ รถที่หมดประกันแล้วจะประหยัดค่าซ่อมได้ราว 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวครับ
เครดิต www.sanook.com