พูดถึงแบตเตอรี่แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดี เพราะคนใช้รถใช้ถนน ทั้งรถเก่ารถใหม่ ต้องประสบพบเจอกับปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่มาไม่มากก็น้อย เนื่องจากแบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจสำคัญเรื่องกำลังไฟในการใช้งานรถยนต์ ซึ่งบางคนก็อาจไม่ค่อยสนใจมันเท่าไรนัก จะมาสนใจจริงๆ จังๆ ก็ต่อเมื่อรถสตาร์ทไม่ติด หรือแบตเตอรี่เริ่มมีปัญหา
และปัญหาส่วนมากเกี่ยวกับแบตเตอรี่มีอยู่มากมาย เช่น การเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน น้ำกลั่นไม่ได้เติม น้ำกลั่นแห้ง ฯลฯ แต่บางครั้งเราอาจละเลยปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไป คิดเอาเองว่ามันพัง ใช้งานไม่ได้แล้ว ทั้งๆ ที่บางทีมันอาจยังใช้งานได้อยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาก็คือ ขั้วแบตเตอรี่
บางครั้งแค่ขั้วแบตเตอรี่สกปรก ก็อาจทำให้รถของคุณขับสะดุด เร่งไม่ขึ้น สตาร์ทติดยาก โดยเฉพาะรถเก่าๆ ที่มีอายุมากแล้ว และสาเหตุที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ก็อาจเป็นเพราะ การเติมน้ำกลั่นจนล้น เนื่องจากน้ำกลั่นที่ล้นนี้ เมื่อเข้าไปอยู่ในแบตเตอรี่แล้ว หากล้นออกมา มันก็คือน้ำกรดดีๆ นี่เอง และเมื่อมันปะทุ หรือล้นออกมา มันก็จะไปกัดชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งขั้วแบตเตอรี่อยู่ใกล้มากที่สุด เมื่อโดนน้ำกลั่นกัดเข้าบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความสกปรก มีคราบขาวเกาะเอาไว้ ทำให้ไฟฟ้าไหลผ่านไม่สะดวก
ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ มาดูวิธีทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ให้กลับมาใช้งานได้ปกติกันดีกว่า
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- ประแจขันน๊อต (เบอร์ตามขนาดที่ใช้กับน๊อตยึดขั้วแบตเตอรี่)
- แปรงสีฟันที่ไม่ได้ใช้แล้ว หรือแปรงทำความสะอาดอื่นๆ
- น้ำร้อนประมาณ 1 ลิตร หรือโซดา 1 ขวด
- กระดาษทรายเบอร์กลางๆ (เบอร์ 200 – 500) 1 แผ่น
- ผ้าสะอาด 1 ผืน
ขั้นตอนการทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
- ใช้ประแจขันน๊อตตรงขั้วแบตเตอรี่ออก (ระวังอย่าให้ขั้วแบตเตอรี่ + และ – สัมผัสกัน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ฟิวส์ของรถช๊อตได้)
- นำแปรงมาถู หรือขัด ทำความสะอาด เพื่อให้คราบ หรือผงสีขาวหายออกไปให้หมด และระหว่างขัดให้ใช้น้ำร้อน หรือโซดาคอยราดลงไปด้วย
- ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด และดูว่ายังมีคราบขาวยังหลงเหลืออยู่หรือไม่ ถ้ามีก็ขัดใหม่อีกครั้งจนกว่าจะสะอาดหมดจด
- ใช้กระดาษทรายขัดที่ขั้วแบตเตอรี่เบาๆ ประมาณ 2 นาที จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดออกให้สะอาด
- นำแบตเตอรี่กลับเข้าตำแหน่งเดิม และขันน๊อตให้แน่นพอตึงมือ
เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นวิธีการ แบตเตอรี่ของคุณก็จะกลับมาใช้งานได้ปกติ แต่ถ้าทำความสะอาดแล้วอาการยังไม่หาย แนะนำให้ไปตรวจเช็กดูที่ร้านแบตเตอรี่อีกครั้ง
เครดิต www,sanook.com