แม้ว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันจะยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแทบจะแตะ 2 ลิตร 100 บาทเข้าไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังคงจำเป็นต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวเพื่อเดินทางไปไหนมาไหนอยู่ดี ส่งผลให้การติดตั้งแก๊ส LPG เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ซึ่งวิธีนี้สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดเช่นนี้ ยิ่งติดเร็วขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งคุ้มทุนเร็วขึ้นเท่านั้น

     แต่ปัจจุบันหลายคนก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการติดตั้งระบบแก๊ส LPG เข้ากับรถยนต์คันโปรดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบำรุงรักษาในระยะยาว, ความปลอดภัยจากการรั่วหรือระเบิดของถังแก๊ส รวมถึงราคาขายต่อในอนาคต เราจึงรวบรวมเอาข้อดีและข้อเสียของการติดตั้งแก๊ส LPG มาให้คุณผู้อ่านได้ลองพิจารณากันครับ

ข้อดีของการติดแก๊ส LPG ในรถยนต์

     ข้อดีของการติดตั้งระบบแก๊ส LPG ในรถยนต์ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความประหยัด ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเมื่อหารเป็นค่าเชื้อเพลิงต่อกิโลเมตรออกมา การใช้ LPG จะถูกกว่าการใช้น้ำมันประมาณ 3-4 เท่า ยกตัวอย่างเช่น

     รถยนต์ยี่ห้อ A มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15 กม./ลิตร ขับจากกรุงเทพไปเชียงใหม่เป็นระยะทาง 700 กิโลเมตร จะต้องใช้น้ำมันทั้งสิ้น 46.67 ลิตร หากเติมน้ำมัน E20 ที่มีราคาต่อลิตรอยู่ที่ 43.54 บาท (อ้างอิงตามราคาวันที่ 27 มิ.ย. 2565) จะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,032 บาทเพื่อให้ได้ระยะทางดังกล่าว

     แต่หากรถคันดังกล่าวติดตั้งระบบ LPG โดยมีอัตราสิ้นเปลืองแก๊สเฉลี่ย 13 กม./ลิตร (ส่วนมากแก๊ส LPG จะมีอัตราสิ้นเปลืองด้อยกว่าน้ำมันเล็กน้อย) จะต้องใช้แก๊สทั้งสิ้น 53.85 ลิตร หากคิดตามราคา LPG หน้าปั๊มปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 13.65 บาทต่อลิตร จะจ่ายเงินเพียง 735 บาทเท่านั้น ถูกกว่าการใช้น้ำมัน E20 เกือบ 3 เท่า

     หากคิดจำนวนเงินค่าเชื้อเพลิงต่อกิโลเมตรจะพบว่า หากใช้น้ำมัน E20 จะคิดเป็นเงินเฉลี่ยประมาณ 2.9 บาทต่อ 1 กิโลเมตร แต่หากใช้แก๊ส LPG ก็จะเหลือเพียง 1.05 บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น ยิ่งถ้าหากช่างสามารถปรับจูน LPG ให้มีอัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงกับน้ำมันมากกว่านี้แล้วล่ะก็ จะยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรถูกลงไปอีก

ติด LPG เมื่อไหร่จะคุ้มทุน?

ถ้าอย่างนั้น LPG มีข้อเสียอย่างไรบ้าง?

     จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าการติดตั้งระบบแก๊ส LPG ในรถยนต์จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ อย่างไรก็ดี หากคุณคิดจะนำรถไปติดตั้งระบบ LPG แล้วล่ะก็ ยังมีข้อควรระวังที่ต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

1. รถยนต์ที่ติดตั้งระบบ LPG จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษามากกว่าปกติ เนื่องจากมีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบแก๊สเพิ่มขึ้นมา อีกทั้งรถที่ใช้ระบบแก๊สมักมีความร้อนของเครื่องยนต์สูงกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องใส่ใจดูแลระบบหล่อเย็นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้

2. รถบางรุ่นอาจไม่เหมาะกับการติดตั้งแก๊ส เนื่องจากมีระบบกลไลของเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนกว่าปกติ บางรุ่นอาจต้องนำรถมาให้ช่างจูนแก๊สบ่อยๆ บางรุ่นอาจมีชิ้นส่วนที่เกิดการสึกหรอไวกว่าปกติ รวมถึงรถบางรุ่นอาจจำเป็นต้องเลือกติดตั้งชุดแก๊สที่มีราคาสูงกว่ารถทั่วไป เป็นต้น

3. เครื่องยนต์เสื่อมสภาพไวกว่า เนื่องจากเครื่องยนต์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการติดตั้ง LPG ตั้งแต่ต้น ทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทั้งยังมีเจ้าของรถจำนวนไม่น้อยที่เลือกใช้ LPG อย่างเดียวโดยไม่เปลี่ยนเป็นน้ำมันเลย จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบน้ำมันได้ เช่น ปั๊มติ๊กเสีย, ลูกลอยเพี้ยน, ถังน้ำมัน-คอถังเป็นสนิม, ท่อน้ำมันแตกรั่ว เป็นต้น

4. รถที่ติดตั้งแก๊สมักมีราคาขายต่อต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมันตามปกติ เนื่องจากผู้ซื้อมักกังวลว่าเครื่องยนต์จะมีปัญหาตามมา ทำให้การขายต่อเป็นไปได้ยากกว่า แต่หากมองว่าการใช้รถติดแก๊สช่วยเซฟเงินค่าน้ำมันมาโดยตลอดแล้วล่ะก็ ข้อนี้ก็อาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวลมากนัก

     เห็นไหมครับว่าการนำรถไปติดตั้งระบบแก๊ส LPG ต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาควบคู่กันไปด้วย หากคุณจำเป็นต้องใช้รถเยอะ วิ่งงานต่างจังหวัดเป็นประจำ การติดแก๊สก็ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะ แต่หากใช้รถน้อย เดือนนึงขับรถเพียงแค่ไม่กี่วัน ก็ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าให้ดีก่อนติดตั้งด้วย

เครดิต www.sanook.com