เมืองไทยเข้าสู่หน้าฝน หน้ามรสุมอีกครั้งพร้อมอุทกภัยที่ไม่อาจคาดคิด ถามว่า รถยนต์ของเราจะได้รับ จะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน
น้ำสูงระดับไหน อันตรายต่อรถยนต์
ฝนตกน้ำท่วมขัง ขณะที่เราขับรถยนต์อยู่บนถนน เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ จะต้องเพิ่มความระมัดระวัง ลดความเร็วลง ขับช้าๆ ปิดแอร์ เว้นระยะจากคันหน้า เมื่อพ้นน้ำให้เหยียบเบรกซ้ำๆ เพื่อไล่น้ำจากระบบเบรก
อันตรายระดับน้ำสูงเท่าไร ส่งผลต่อตัวรถ
ในที่นี้ จะไล่ระดับน้ำจากน้อยไปหาระดับที่สูงมาก จนส่งผลต่อตัวรถยนต์
1. ระดับน้ำสูง 20 เซนติเมตร
ระดับน้ำสูง 20 เซนติเมตร ถือว่าปกติระดับทางเท้าไม่ถึงครึ่งล้อ รถยนต์แทบทุกรุ่นสามารถผ่านได้ แต่ต้องระวังหลุมที่มองไม่เห็น
2. ระดับน้ำสูง 40 เซนติเมตร
ระดับน้ำสูง 40 เซนติเมตร ต้องระมัดระวังสูง ระดับเกินครึ่งล้อ ท่อไอเสียจมน้ำ ควรผ่านแค่สั้นๆ หากขับรถเล็กให้หลีกเลี่ยง รถสูงยังพอผ่านได้ หากน้ำระดับนี้ อาจมีน้ำซึมที่พื้นรถใต้พรม ควรนำพรมออกมาซัก และตากให้แห้ง รวมทั้งไล่ความชื้นออกจากตัวรถ
3. ระดับน้ำสูง 60 เซนติเมตร
ระดับน้ำสูง 60 เซนติเมตร หลีกเลี่ยง น้ำสูงระดับไฟหน้า น้ำอาจเข้าห้องโดยสารทางช่องประตู ไม่ควรผ่านทั้งรถเล็ก และรถสูง เพราะหากน้ำเข้ารถสูงถึงเบาะ ควรไล่ความชื้นและนำรถยนต์เข้าเช็คระบบอีกครั้ง
4. ระดับน้ำสูง 80 เซนติเมตร
ระดับน้ำสูง 80 เซนติเมตร อันตราย!! ระดับฝากระโปรง น้ำอาจเข้าทั้งเครื่องยนต์ ก่อให้เกิดความเสียหายหนัก รถทุกชนิดควรหลีกเลี่ยง
ระดับน้ำท่วมที่รถยนต์แต่ละชนิดลุยได้
1. รถอีโคคาร์
ระดับน้ำ 20-40 เซนติเมตร รถเล็กพวกรถอีโคคาร์ต้องระวัง เนื่องจากถูกออกแบบให้มีความสูงจากระดับพื้น 15-17 เซนติเมตร อาจส่งผลต่อท่อไอเสีย แต่สามารถขับลุยน้ำผ่านได้
2. รถเก๋ง
ระดับน้ำ 40-60 เซนติเมตร รถเก๋ง รถเล็กจะต้องหลีกเลี่ยง
3. รถกระบะ
ระดับน้ำ 60-80 เซนติเมตร ส่งผลเป็นอันตรายต่อรถกระบะและรถทุกคัน
ในการขับรถลุยน้ำต้องดูระดับน้ำ หากไม่ใช่เส้นทางที่คุ้นเคย ก็อย่าลงไปลุยเด็ดขาด เพราะเราไม่รู้ว่าผิวทางเป็นอย่างไร ดังนั้นควรขับรถอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะหากน้ำท่วม หรือน้ำเข้ารถ จะต้องเสียเงินค่าบำรุงรักษาหนักแน่นอน
ที่มา สถาบันยานยนต์
เครดิต www.autospinn.com
กระเดื่องวาล์ว Ford 2.2 เป็นยังไง ไปดูกัน!!!