ใช่ว่ายางรถยนต์ทุกเส้นจะมีคุณสมบัติเหมือนกันไปเสียหมด เพราะยางแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อต่างก็มีสเปกแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับงบประมาณและความเหมาะสมของการใช้งาน วันนี้เราจะพาไปดูวิธีอ่านค่า Speed Rating และ Load Index ที่บ่งบอกว่ายางเส้นนั้นสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ และรองรับน้ำหนักได้แค่ไหนครับ
ยางรถยนต์แต่ละเส้นถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมยางแต่ละรุ่นจึงมีราคาที่แตกต่างกันตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งการเลือกซื้อยางรถยนต์แต่ละรุ่นนอกจากจะต้องคำนึงถึงขนาดยางที่เหมาะสมกับล้อแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับขาซิ่งทั้งหลายก็คือ “ค่าดัชนีความเร็ว” (Speed Rating) ที่มักจะระบุควบคู่ไปกับ “ค่าดัชนีการรับน้ำหนัก” (Load Index) นั่นเอง
“ค่าดัชนีความเร็ว” และ “ดัชนีการรับน้ำหนัก” ดูตรงไหน?
ค่าดัชนีทั้งสองประเภทจะถูกระบุอยู่ในสติกเกอร์ที่แปะอยู่บนหน้ายาง (กรณียางยังไม่ได้รับการติดตั้ง) หรือหากไม่มีสติกเกอร์ก็สามารถอ่านค่าได้จากบริเวณแก้มยาง โดยส่วนมากจะระบุเอาไว้หลังตัวเลขที่บ่งบอกขนาดยาง (ดังเช่นตัวอย่างในภาพด้านบน คือ “205/45 R17” หมายถึงขนาดของยาง “91” หมายถึงดัชนีการรับน้ำหนัก และ “V” หมายถึงดัชนีความเร็ว) โดยตัวเลขและตัวอักษรสามารถแทนค่าได้ดังต่อไปนี้
ดัชนีการรับน้ำหนัก (Load Index)
Load Index | น้ำหนักสูงสุดต่อเส้น |
88 | 560 |
89 | 580 |
90 | 600 |
91 | 615 |
92 | 630 |
93 | 650 |
94 | 670 |
95 | 690 |
96 | 710 |
97 | 730 |
98 | 750 |
99 | 775 |
ดัชนีความเร็วสูงสุด (Speed Rating)
Speed Rating | ความเร็วสูงสุดที่รับได้ |
N | 140 |
P | 150 |
Q | 160 |
R | 170 |
S | 180 |
T | 190 |
U | 200 |
H | 210 |
V | 240 |
Z | 240 |
W | 270 |
Y | 300 |
ก่อนเปลี่ยนยางทุกครั้งจึงต้องระมัดระวังไม่เลือกยางที่มีค่าดัชนีความเร็วต่ำกว่าความเร็วสูงสุดที่รถคันนั้นทำได้ และควรใช้ยางที่มีตัวเลขเท่ากันทั้ง 4 เส้น หรือตามที่คู่มือกำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดครับ
เครดิต www.sanook.com
ครีบแปรผันเทอร์โบ YD25 มีกี่แบบ?