เทียบกันชัดๆ โฉมเก่ากับโฉมปัจจุบัน Toyota Corolla Cross HEV Premium Safety ปี 2020 กับ Toyota Corolla Cross HEV Premium Luxury ปี 2024 จากทั้งหมด 4 รุ่นย่อย
Toyota Corolla Cross 2020 vs 2024 เทียบกันชัดๆ โฉมเก่ากับโฉมปัจจุบัน
หลายคนอาจจำหน้าตาโฉมเก่าของ Toyota Corolla Cross ในปี 2020 ไม่ค่อยได้ เพราะดีไซน์ของในรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บอกเลยว่าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน วันนี้เลดี้จะขอนำเอา Toyota Corolla Cross HEV Premium Safety ปี 2020 มาเทียบกับ Toyota Corolla Cross HEV Premium Luxury ปี 2024 จากทั้งหมด 4 รุ่นย่อย
การออกแบบดีไซน์ภายนอก
ก่อนอื่นมาดูในรุ่น Premium Safety ปี 2020 กันก่อน มองจากภายนอกรูปทรงพรีเมี่ยมสมชื่อจริงๆ ซึ่งได้รับการออกแบบจาก TNGA หรือ Toyota New Global Architecture โดยดีไซน์ของตัวถังสอดรับกับกระจังหน้าสีดำเงาได้เป็นอย่างดี ประกอบด้วยไฟหน้า Projector Lens LED สไตล์ Hybrid ทำงานด้วยระบบ Follow-me-home มาพร้อมกับ Daytime Running Light แบบ LED Light Guiding ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ใส่ยาง 225/50 R18 สำหรับด้านบนติดตั้งราวหลังคาสีดำ และหลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ในส่วนของมิติตัวถังมีความยาว 4,460 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,825 มิลลิเมตร ความสูง 1,620 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น 161 มิลลิเมตร และรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร
หันมาทางด้านท้ายกันบ้าง เลดี้มองว่ากระจกหลังเล็กไปหน่อย ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นอาจจะไม่ค่อยดีมากนัก มาพร้อมกับบั้นท้ายบึกบึน พร้อมไฟท้าย LED ไฟหรี่แบบ Light Guiding มีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED รวมถึงมีไฟตัดหมอกด้านหลังให้ด้วย ติดตั้งเสาอากาศแบบ Shark Fin หรือ ครีบฉลาม สีขาวตรงหลังคา ทำให้รูปทรงดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ฝาท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มี Kick Activated ระบบเปิด-ปิด ฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ
มาถึงในรุ่น Premium Luxury ปี 2024 กันบ้างค่ะ ที่เห็นกันชัดๆ เลยคือกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ จากเดิมที่เป็นแบบตาข่ายสีดำเงาหน้าดูบึ่งๆ หน่อย ตอนนี้แปลงโฉมใหม่หมดให้ดูล้ำสมัยละม้ายรถยนต์ไฟฟ้า มาพร้อมช่องดักลม 2 ช่องซ้ายขวา ติดตั้งไฟหน้าดีไซน์ใหม่ แบบ LED Crystalized Head Lamp ไฟเลี้ยวหน้า LED แบบ Sequential ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว หลังคา Panoramic Roof แบบ Frameless พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า ในส่วนของด้านท้ายมีการออกแบบไฟท้าย LED แบบใหม่ดูมีมูฟเม้นต์มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญมาพร้อมสีใหม่ 5 สี ได้แก่ Cement Gray Metallic, Celestite Gray Metallic, Platinum White Pearl, Metal Stream Metallic และ Attitude Black Mica
ภายในและเทคโนโลยี
สำหรับภายในของรุ่น Premium Safety ปี 2020 ออกแบบโดยใช้โทนสีน้ำตาล Terra Rossa (อันนี้ขึ้นอยู่กับสีภายนอก) ตัดกับสีดำเงา Piano Black ที่ใช้ตกแต่งวัสดุภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPAS หุ้มด้วยหนัง สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ติดตั้งไฟส่องสว่างบริเวณประตูคู่หน้า และที่วางแก้วน้ำ สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย Push Start Button มาพร้อมกับกุญแจ Smart Keyless Entry หน้าจอแดชบอร์ดแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งคนขับหุ้มหนังปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง มีช่องชาร์จไฟ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 2 ตำแหน่ง และติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศา
ในส่วนของระบบความบันเทิงติดตั้งหน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ติดตั้งเทคโนโลยี T-Connect Telematics ของ Toyota อาทิ Find My Car เช็คตำแหน่งตัวรถแบบ Real-time, ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรม TheftTrack, ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง SOS, บริการผู้ช่วยส่วนตัว โทรขอเส้นทาง หรือ จองโต๊ะร้านอาหาร Conceige Services และ ประกันภัย ขับดี ลดให้ เบี้ยประกันจ่ายตามการขับขี่ Insurance (PHYD) รวมถึงติดตั้งลำโพง 6 ตำแหน่งรอบคัน
ต่อกันที่ภายในของรุ่น Premium Luxury ปี 2024 มีอุปกรณ์อัพเดทใหม่เพียบ เริ่มกันที่เบาะสี Dark Rose (อันนี้จะแล้วแต่สีภายนอก) มาพร้อมกับไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารแบบ LED ติดตั้งหน้าจอแดชบอร์ดแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ส่วนอันนี้ไฮไลท์ติดตั้งระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH และมี Wireless charger พร้อม USB type C ให้ด้วย
ในส่วนของเทคโนโลยีอัพเดทจากของเก่าคือติดตั้งกล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM) 360 องศา และกล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ ด้านหน้า และด้านหลัง มีระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ PKSB รวมถึงสัญญาณเตือนกะระยะ หน้า (4) หลัง (4) รวม 8 ตำแหน่ง
ขุมพลังขับเคลื่อนและเทคโนโลยีความปลอดภัย
ในรุ่น Premium Safety ปี 2020 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน VVT-i 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 cc. ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แรงดันไฟฟ้า 600 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Nickel metal Hydride (Ni-MH) แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ 28 Modules 6.5 Ah รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุถังน้ำมัน 36 ลิตร รองรับน้ำมัน E20 มีโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ EV Mode / Sport Mode / ECO Mode
โดยที่ในรุ่น Premium Luxury ปี 2024 ยังคงใช้เครื่องยนต์ไฮบริด HEV 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 122 แรงม้า เหมือนเดิมทุกประการ
ทางด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยก็ยังคงเดิม อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC, ไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และ เบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Warning, ระบบประคองรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Tracing Assist, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX และมีถุงลมนิรภัยให้ 7 ตำแหน่งรอบคัน
สรุปก็คือ Toyota Corolla Cross Premium Luxury ปี 2024 รุ่นใหม่นี้ มีหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง รวมถึงติดตั้งเทคโนโลยีอัพเดทล่าสุดมากมาย และยังมาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติในทุกรุ่นย่อยอีกด้วย เรียกว่าคุ้มค่าในราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน
เครดิต www.autospinn.com
1990 ไมตี้X ที่สุดแห่งทศวรรษ | แกะกล่องHowMuch? EP.5