ทราบหรือไม่ว่าทำไมยางรถยนต์ที่ใช้กันอยู่แพร่หลายถึงต้องเป็นสีดำ ทั้งๆ ที่โดยธรรมชาติแล้ววัตถุดิบหลักอย่างน้ำยางมีสีขาว วันนี้ Sanook Auto มีคำตอบมาฝากกัน
ยางรถยนต์ที่ทำมาจากวัสดุยางถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1895 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ล้อรถยนต์มักทำมาจากวัสดุไม้หรือเหล็ก ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนได้ดีมากพอเมื่อเทียบกับสมรรถนะของพาหนะที่เพิ่มขึ้นในสมัยนั้น โดยขณะนั้นได้มีการคิดค้นส่วนผสมต่างๆ ลงไปในเนื้อยางเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน และสามารถกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง จนกระทั่งมาลงตัวที่ “คาร์บอนแบล็ก” (Carbon Black) ซึ่งเป็นวัตถุดิบทางเคมีที่นำมาใช้อย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
การเติมคาร์บอนแบล็กลงในเนื้อยางประมาณ 50% ของปริมาตรทั้งหมดของยาง จะทำให้ยางมีคุณสมบัติทนทานต่อการสึกหรอเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า และมีความต้านทานแรงดึงของยางเพิ่มขึ้น 10 เท่า ซึ่งการเติมคาร์บอนแบล็กดังกล่าวก็ส่งผลให้ยางเปลี่ยนสีเป็นสีดำนั่นเอง
การที่ยางรถยนต์มีสีดำนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยางรถยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานในยุคปัจจุบันแล้ว ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดคราบสกปรกได้มากกว่าสีขาว สามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่า และยังช่วยให้รถดูสวยลงตัวมากยิ่งขึ้นด้วย
และทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุที่ยางรถยนต์ในปัจจุบันล้วนแต่มีสีดำนั่นเองครับ
เครดิต www.sanook.com
2TR 2.7 ควรซ่อม หรือซื้อใหม่ แบบไหนดีกว่า? | แกะกล่องHowMuch? EP.12