รถเสียบนทางด่วน ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยต่อชีวิตที่สุด?
เหตุการณ์รถเสียหรือยางแตกที่เกิดขึ้นบนทางด่วน สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้รถมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดคุยในประเด็นร้อนให้ตกผลึกที่สุด
เช้าวันจันทร์คือช่วงเวลาที่มนุษย์เกือบทุกคนเร่งรีบขับรถกันเพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด พฤติกรรมการขับรถอันไม่พึงประสงค์มักถูกขุดขึ้นมาใช้กันแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย อย่างเช่นเหตุการณ์สลดล่าสุด ที่ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดรถยนต์จอดเสียอยู่บนไหล่ทาง ณ ทางด่วนเส้นหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งต่อมามีคนขับรถเข้ามาชนท้ายจนตัวรถที่จอดเสียกระเด็นไปฟาดหญิงเคราะห์ร้าย ทำให้เธอกระเด็นตกลงไปที่พื้นด้านล่างจนเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ไม่ใช้ครั้งแรก… แต่มันเคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งบนท้องถนนประเทศไทย
คำถามเกิดขึ้นในสมองเกือบทุกคนที่ได้รับรู้ข่าวสารนี้ ว่าพวกเราควรจะปฏิบัติตนเช่นไรให้รอดปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์รถจอดเสียบนทางด่วน รวมถึงทางหลวงพิเศษ ครั้นจะหวังให้คนในชาติมีจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนโดยนึกถึงสังคมส่วนรวม สิ่งนั้นคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในดินแดนสยามเมืองยิ้ม ที่พอมีอะไรก็โทษไปที่ดวง โชคชะตาฟ้าลิขิต หรือกล่าวอ้างถึงความมักง่ายของผู้ขับรถคนอื่น แล้วไม่เคยปรับแก้ไขได้เสียที
ต้นตอของการวิ่งไหล่ทาง = ความเห็นแก่ตัว
เมื่อพูดถึงพฤติกรรมการขับขี่อันสุดแสนจะน่ารังเกียจบนถนนเมืองไทย ร้อยละร้อยมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ก่อให้เกิดขึ้น นั่นก็คือ “ความเห็นแก่ตัว” ด้วยความคิดที่ว่าฉันจะขับรถไปข้างหน้าให้ได้อย่างไรเร็วที่สุด พฤติกรรมหลายหลากรูปแบบ อาทิ ปาดเข้าคอสะพาน ลักไก่กลับรถที่ในจุดห้าม หรือการวิ่งรถบนไหล่ทางด้านซ้าย เหล่านี้ล้วนบ่งชี้ว่าคุณภาพและจิตสำนึกของคนขับรถในประเทศไทยยังด้อยกว่าชาติอื่นอยู่มาก
หากถามถึงวิธีการแก้ไขการวิ่งรถบนไหล่ทางก็พอจะมีอยู่บ้าง เริ่มด้วยการประชาสัมพันธ์ให้คนส่วนใหญ่ตระหนักถึงสิ่งที่ตามมาเมื่อตัดสินใจวิ่งรถไหล่ทาง ไม่ใช่ให้คนเหล่านี้คิดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทำได้ปกติ ต่อมาต้องพึ่งพามาตรการทางกฏหมายให้รุนแรง เช่น การใช้กล้องคอยดักถ่ายภาพรถที่วิ่งไหล่ทาง เมื่อพบเจอการกระทำผิดก็ให้ทำการปรับเงินให้หนัก เพื่อให้เกิดการจำจนไม่กล้าทำผิดซ้ำสอง แต่หากถ้าทำทุกอย่างแล้วคนบางคนยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ขั้นตอนต่อไปเห็นจะต้องเป็นคนธรรมดาอย่างเราท่าน ที่จะต้องหาวิธีรับมือกับคนเห็นแก่ตัวที่ขับรถอยู่บนถนนแทน
ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยที่สุดเมื่อรถเกิดเสียบนทางด่วน?
ในเมื่อเราไม่สามารถพึ่งพากฏหมายบ้านเมือง หรือจิตสำนึกของผู้ใช้รถบนถนนคนอื่นๆ ได้ วิธีดีสุดคือการหากระบวนการรับมือกับปัญหาดังกล่าวแทน
ในต่างประเทศนั้นไหล่ทางมีหน้าที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง คือการเป็นช่องจราจรฉุกเฉินไว้สำหรับให้รถพยาบาล รถดับเพลิง หรือรถอื่นๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใช้สัญจรเพื่อไปถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุด ต่อมาเป็นบริเวณไว้ให้รถที่เกิดเสียหรือยางแตกสามารถมาจอดเพื่อรอการช่วยเหลือได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจุดประสงค์ในการมีอยู่ของไหล่ทางมีนัยยะสำคัญ มากกว่าเป็นช่องจราจรให้คนขับรถไร้จิตสำนึกไว้แซงรถคันอื่นเพื่อให้ตนเองไปได้เร็วกว่า
ตัวอย่างคำถามที่เราตั้งขึ้นแทนผู้อ่าน ว่า หากรถเกิดเสียบนทางด่วนจะทำอย่างไรให้อยู่รอดปลอดภัย
เบื้องต้นถ้ารถจอดเสียบนทางด่วนระดับพื้นดินให้คุณพาตัวเองออกมานอกแท่งแบร์ริเออร์ หรือ อยู่ให้ไกลที่สุด แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้เรามีวิธี 4 แบบให้คุณลองพิจารณาไว้เลือกตัดสินใจทำตาม
สมมติฐานที่ 1 – นั่งรออยู่ในรถจนกว่าจะมีคนมาช่วย
เริ่มข้อแรกด้วยการโทรศัพท์หาคนช่วยเหลือก่อน จากนั้นให้นั่งรออยู่ในรถพร้อมกับการคาดเข็มขัดนิรภัย…
สิ่งที่อาจเกิดขึ้น
จริงอยู่ที่การนั่งอยู่ในรถเพื่อใช้โครงสร้างเหล็กของรถเป็นเกราะกำบัง อาจช่วยไม่ให้เราถูกรถชนโดยตรง แต่ในความจริงรถยนต์ที่วิ่งเข้ามาชนท้ายรถคันที่จอดอยู่ไหล่ทาง ไม่ว่าจะด้วยความเร็ว 60 หรือ 120 กม./ชม. ผู้ที่นั่งอยู่ในรถมีความเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บสาหัสจากการพุ่งไปกระแทกกับพวงมาลัย หรือในกรณีที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยร่างกายอาจพุ่งทะลุออกไปนอกรถ กรณีที่จะหวังพึ่งให้ถุงลมนิรภัยคู่หน้าทำงาน เราขอบอกว่าตอนนี้มีรถเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่มาพร้อมระบบป้องกันการชนท้าย จะมีก็แค่รถยี่ห้อ Volvo รุ่นใหม่อาทิ XC60, XC90 และ S90 ที่สามารถป้องกันการชนท้ายในระดับที่ดี
สมมติฐานที่ 2 – ออกมายืนรออยู่ข้างรถ
ข้อสองนี้ก็ทำเหมือนอย่างข้อแรกคือโทรหาเบอร์ติดต่อฉุกเฉินให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจึงออกมายืนรออยู่ข้างรถ
สิ่งที่อาจเกิดขึ้น
ความเสี่ยงกับความรุนแรงที่คนซึ่งมายืนอยู่ข้างรถจะเกิดอุบัติเหตุมีสูงที่สุด แม้ว่าคุณจะมีป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงวางไว้ก่อนถึงตัวรถห่างถึง 50-100 เมตร แต่การยืนพิงอยู่ข้างรถหรืออยู่ระหว่างแท่งแบรริเออร์ ความเสี่ยงที่รถยนต์คันอื่นจะขับมาเฉี่ยวจนรถของคุณมาฟาดเข้าร่างกายมีสูงมาก หากเกิดบนทางด่วนยกระดับอาจทำให้ร่างกายกระเด็นตกลงไปด้านล่าง เหมือนเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้คุณอาจบาดเจ็บสาหัสไปจนถึงขั้นเสียชีวิต
สมมติฐานที่ 3 – ออกมายืนนอกรถแล้วเดินย้อนขึ้นมา
หลังเสร็จสิ้นการโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว ให้คุณเดินย้อนออกจากหลังรถออกมาเว้นระยะห่างไว้ราว 50-100 เมตร
สิ่งที่อาจเกิดขึ้น
วิธีการนี้เริ่มกระบวนการเหมือนกับหนทางอื่นๆ โดยให้คุณเดินย้อนจากตัวรถห่างมาประมาณ 50-100 เมตร จากนั้นวางป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงไว้ แล้วยืนรอในบริเวณเดียวกับป้ายที่ตั้งอยู่ จากนั้นให้หาวัตถุสีสว่างหรือไฟฉายมาโบกส่งแสงไปยังทิศทางที่รถวิ่งมา ผลลัพธ์คือคนขับรถท่านอื่นจะสามารถสังเกตุเห็นว่ามีรถยนต์จอดเสียตั้งแต่ในระยะไกล
อาจจะพูดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้
สมมติฐานที่ 4 – ออกมายืนนอกรถแล้วเดินเลยรถไป
ข้อสุดท้ายในการรับมือเวลารถจอดเสียบนทางด่วน คือให้เดินเลยตัวรถไปข้างหน้ารถ ออกมารอห่างราว 50-100 เมตร
สิ่งที่อาจเกิดขึ้น
รูปแบบการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุข้อสุดท้ายนี้จะคล้ายกับแบบเดินย้อนตัวรถ คือให้คุณเดินเอาป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงไปวางไว้ก่อนถึงตัวรถราว 50 เมตร จากนั้นให้เดินเลยหน้าตัวรถไปอีกสักระยะหนึ่งที่เห็นสมควรว่าปลอดภัย ให้พอมีเวลาที่คุณจะสามารถหลบตัวรถของคุณที่อาจพุ่งมาชนจากการโดนชนท้าย แต่วิธีนี้ผู้ขับรถคนอื่นจะสังเกตุไม่เห็นว่ามีคนยืนอยู่หน้ารถ
หากอยากให้ชีวิตปลอดภัยต้องมีสิ่งเหล่านี้ติดไว้ในรถ
ลำพังวิธีการ 4 ข้อที่เราได้นำเสนอไปข้างต้นอาจช่วยให้คุณปลอดภัยได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ให้ซื้อป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงติดไว้ที่รถอยู่เสมอ จากนั้นก็หาไฟฉายกำลังแรงสูงไว้ซักกระบอกหนึ่ง ซึ่งการวางป้ายสามเหลี่ยมควงคู่กับการส่องไฟฉายโบกไปมา การกระทำดังกล่าวช่วยให้คนขับรถท่านอื่นบนท้องถนนสังเกตุเห็นคุณได้จากระยะไกล ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
เบอร์โทรฉุกเฉินเวลารถเสียบนทางด่วน
รถเสียบนทางด่วน โทรเเจ้ง 1543 สายด่วนการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแจ้งเรื่อง เเจ้งพิกัดที่รถของคุณ สาเหตุอาการของรถ (ถ้าทราบ) มีคนป่วยหรือบาดเจ็บในรถหรือไม่ หากต้องการรถลากควรเเจ้งเจ้าหน้าที่ให้พร้อม กรณีไม่มีโทรศัพท์ให้เดินไปหาตู้โทรฉุกเฉิน ซึ่งรถทางด่วนจะทำการลากไปยังจุดที่ใกล้ที่สุด จนพ้นเขตทางพิเศษเท่านั้น
รถเสียบนมอเตอร์เวย์สาย 7 และ 9 โทรแจ้ง 1586 สายด่วนกรมทางหลวงที่คอยให้คำปรึกษาพร้อมช่วยเหลือผู้ใช้รถที่เกิดอุบัติเหตุ หรือจอดเสียอยู่ข้างทาง
ก่อนจากกันไปเราอยากให้ทุกท่านที่ใช้รถใช้ถนน ตระหนักถึงพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งตนเองและผู้อื่นอยู่เสมอ เพราะการทำผิดกฎหมายแล้วคุณไปจึงจุดหมายได้เร็วกว่า มันไม่คุ้มค่าเลยหากรถไปเกิดเฉี่ยวชนรถคันอื่นจนทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือถึงขั้นเสียชีวิต
จงคิดไว้เสมอว่าทุกคนบนถนนคือญาติ พี่น้อง และบุคคลใกล้ชิดของท่านเอง ฝากด้วยครับ ช่วยกันทำให้ท้องถนนเมืองไทยปราศจากอุบัติเหตุอันสามารถป้องกันได้จะดีกว่าครับ
เครดิต www.ridebuster.com