ในอดีตหากใครยังจำกันได้ช่วงที่ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นไปแตะราคา 40 บาทต่อลิตร ชาวบ้านบางคนที่มีกระบะรุ่นเก่า ใช้วิธีซื้อน้ำมันปาล์มจากห้างสรรพสินค้ามาเติมแทนน้ำมันดีเซล เนื่องจากสมัยนั้นมีราคาถูกกว่า บางส่วนก็ใช้วิธีนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วมากรองสิ่งแปลกปลอมและเติมเข้ากับรถยนต์กันไปเลย เรียกว่าต่างก็หาทางเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤตในสมัยนั้น

     อันที่จริงแล้วน้ำมันพืชที่ใช้ประกอบอาหาร ก็เปรียบได้กับ “น้ำมันไบโอดีเซล 100%” นั่นเอง จึงสามารถเติมผสมกับน้ำมันดีเซลได้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น ไบโอดีเซล 5 ส่วน ต่อน้ำมันดีเซล 95 ส่วน จะได้น้ำมันไบโอดีเซลสูตร B5 ที่สามารถนำมาใช้ในรถยนต์ได้

     อย่างไรก็ดี เครื่องยนต์ที่เติมน้ำมันพืชผสมเข้าไปด้วยนั้น อาจเกิดปัญหาตามมาในอนาคตได้ แม้ว่าจะสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดและวิ่งไปได้จริง แต่หากใช้นานๆ ไปอาจส่งผลเสียต่อระบบหัวฉีดของเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำมันพืชที่พัฒนามาให้ใช้กับเครื่องยนต์นั้น ถูกนำมาผ่านปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชัน (Transesterification) เพื่อลดความหนาแน่นของโมเลกุลลง จึงไม่เกิดผลเสียต่อหัวฉีดของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะหัวฉีดของเครื่องดีเซลรุ่นใหม่ๆ ที่มีแรงดันสูงเป็นพิเศษ

     ดังนั้น การเติมน้ำมันพืชลงไปผสมกับเครื่องยนต์ดีเซล หากทำในรถกระบะรุ่นเก่าจะปลอดภัยกว่า (แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแนะนำให้ทำหรอกนะครับ เพราะถึงอย่างไรน้ำมันไบโอดีเซลที่พัฒนามาโดยเฉพาะย่อมเหมาะสมกับเครื่องยนต์มากกว่าอยู่แล้ว) นอกจากนี้ น้ำมันพืชสำหรับใช้ประกอบอาหารยังมีราคาสูงกว่าน้ำมันดีเซลอีกต่างหาก การนำน้ำมันพืชมาใช้กับเครื่องยนต์จึงไม่มีประโยชน์ในแง่ความคุ้มค่าเท่าใดนัก

     ส่วนการใช้น้ำมันพืชกับเครื่องยนต์เบนซินไม่สามารถทำได้ 100% ครับ

 

 

เครดิต www.sanook.com