เมื่อพูดถึงสมรรถนะของรถยนต์ คงหนีไม่พ้นคำสองคำที่มักถูกเอ่ยถึงบ่อยๆ นั่นคือ “แรงม้า” และ “แรงบิด” หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองคำมีความหมายเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แรงม้าและแรงบิดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และต่างก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดสมรรถนะของรถยนต์ในด้านที่แตกต่างกันออกไป
“แรงม้า” และ “แรงบิด” คืออะไร?
แรงม้า
เป็นหน่วยวัดกำลังของเครื่องยนต์ที่บ่งบอกถึงปริมาณงานที่เครื่องยนต์สามารถทำได้ในหนึ่งหน่วยเวลา เปรียบเสมือนความเร็วสูงสุดที่รถยนต์สามารถทำได้ หรือความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0 ถึงความเร็วสูงสุดได้เร็วแค่ไหน ยิ่งเครื่องยนต์มีแรงม้าสูงเท่าไหร่ รถยนต์ก็ยิ่งสามารถทำความเร็วได้สูงขึ้นเท่านั้น รถยนต์ที่มีแรงม้าสูงมักจะเหมาะสำหรับการขับขี่บนทางตรง หรือการเร่งแซงในความเร็วสูง
แรงบิด
คือแรงบิดหมุนของเครื่องยนต์ ที่บ่งบอกถึงความสามารถในการหมุนของเพลาขับ หรือความสามารถในการลากจูงของเครื่องยนต์ เปรียบเสมือนแรงดันที่ใช้ในการผลักดันวัตถุหนึ่งให้เคลื่อนที่ ยิ่งเครื่องยนต์มีแรงบิดสูงเท่าไหร่ รถยนต์ก็ยิ่งมีความสามารถในการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้ดี และสามารถบรรทุกของหนักได้มากขึ้น รถยนต์ที่มีแรงบิดสูงมักจะเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องออกตัวบ่อยๆ หรือการบรรทุกของหนัก
ทั้งนี้ แรงม้าและแรงบิดมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด แรงม้าสามารถคำนวณได้จากแรงบิดและรอบเครื่องยนต์ รถยนต์ที่มีแรงม้าสูง อาจจะมีแรงบิดต่ำในรอบต่ำ แต่เมื่อรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น แรงม้าก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ในทางกลับกัน รถยนต์ที่มีแรงบิดสูง อาจจะมีแรงม้าสูงในรอบต่ำ แต่เมื่อรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น แรงม้าอาจจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้บริโภคควรพิจารณาถึงแรงม้าและแรงบิดควบคู่กันไป เพื่อให้ได้รถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากต้องการรถยนต์สำหรับการเดินทางไกลบนทางหลวง ก็ควรเลือกที่มีแรงม้าสูง เพื่อให้สามารถทำความเร็วได้สูง แต่ถ้าต้องการรถยนต์สำหรับใช้งานในเมือง หรือรถกระบะสำหรับบรรทุกของหนัก ก็ควรเลือกที่มีแรงบิดสูง เพื่อให้มีอัตราเร่งที่ดีและสามารถลากจูงได้ดี
สรุปแล้ว แรงม้าและแรงบิดเป็นค่าที่บ่งบอกถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ในด้านที่แตกต่างกัน โดยแรงม้าเน้นที่ความเร็วสูงสุด ส่วนแรงบิดเน้นที่อัตราเร่งและความสามารถในการลากจูงนั่นเองครับ
เครดิต www.sanook.com